แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีอาวุธปืน พาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาต และร่วมกับพวกใช้อาวุธปืนดังกล่าวกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์แล้ว ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องไปถึงความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตของจำเลยได้ด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน แม้ว่าความผิดทั้งสองฐานดังกล่าวจะยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงก็ตาม.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 และที่ 2 มีอาวุธปืนคนละ 1 กระบอกไม่มีเครื่องหมายเลขทะเบียนพร้อมด้วยกระสุนปืนจำนวนหนึ่ง จำเลยทั้งสองพาอาวุธปืนดังกล่าวไปตามทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและจำเลยทั้งสองโดยมีอาวุธปืนดังกล่าวได้ร่วมกับพวกที่หลบหนีอีกหนึ่งคนทำการปล้นทรัพย์ นางสุวินและนายไล่เซ็งผู้เสียหายทั้งสองโดยใช้อาวุธปืนดังกล่าวและมีดดาบบังคับขู่เข็ญผู้เสียหายทั้งสองขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 340 ตรีและพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุกคนละ 2 ปี ฐานพาอาวุธปืนฯจำคุกคนละ 1 ปี ฐานปล้นทรัพย์จำคุกคนละ 21 ปี รวมจำคุกคนละ 24 ปีริบของกลาง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า พยานหลักฐานโจทก์ยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอรับฟังว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันเป็นคนร้ายปล้นทรัพย์ผู้เสียหายดังฟ้อง และวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ในคดีนี้ฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้งสองกระทำความผิดฐานปล้นทรัพย์ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาความผิดฐานมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนของจำเลยทั้งสองที่ยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยต้องห้ามมิให้จำเลยทั้งสองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 เพราะเป็นข้อเท็จจริงอันเดียวเกี่ยวพันกัน
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ทุกข้อหา ของกลางริบ.