คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยยกห้องแถวให้แก่โจทก์ ถึงจะมิได้ทำหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม กฎหมาย ก็ดี แต่โจทก์ได้ถือสิทธิเป็นเจ้าของมากว่า 10ปี แม้จำเลยครอบครองอยู่ก็โดยอาศัยอำนาจของโจทก์ดังนี้ ห้องแถวนั้นย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามมาตรา 1368,1382
เช่าห้องพิพาททำการค้าอยู่ในตลาดในทำเลการค้า การเช่าไม่ได้ทำเป็นหนังสือและผู้ให้เช่าได้บอกกล่าวให้ผู้เช่าออกแล้ว ดังนี้ผู้เช่าหาได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติควบคุมค่าเช่าฯไม่
การที่ศาลกำหนดให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 20 บ.ตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกจากห้องเช่าให้โจทก์นั้น ก็เป็นจำนวนเท่ากับอัตราค่าเช่านั่นเอง เมื่อจำเลยวางศาลไว้แล้วเท่าใดแล้วก็ไม่ต้องใช้อีกเท่านั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้แสดงว่าห้องแถวเลขที่ 528 ซึ่งปรากฏอยู่ในที่ดินของราชพัสดุ ในเขตเทศบาลเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์และขับไล่จำเลยออกไป กับให้ชำระค่าเช่าที่ค้าง 2 เดือนรวม 40 บาท กับค่าเช่าเดือนละ 20 บาท จนกว่าจะออก

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับโดยชี้ขาดว่าห้องพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเดือนละ 20 บาทแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกไป

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาปรึกษาว่าการยก (ห้องพิพาท) ให้นี้ ปรากฏว่ามิได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่โจทก์ได้ถือสิทธิเป็นเจ้าของมากว่า 10 ปีแล้ว จำเลยครอบครองโดยอาศัยอำนาจโจทก์ ห้องพิพาทตกเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1368, 1382 ดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย เมื่อห้องพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ซึ่งจำเลยเป็นผู้เช่าทำการค้าและห้องพิพาทอยู่ในตลาดทำเลการค้า การเช่าไม่ได้ทำหนังสือต่อกัน จำเลยรับว่าโจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยออกจากห้องพิพาทแล้ว จำเลยจึงหามีสิทธิจะอยู่ต่อไปไม่ ส่วนค่าเสียหายที่ศาลอุทธรณ์ให้จำเลยใช้ก็เป็นจำนวนเท่ากับอัตราค่าเช่านั่นเองเมื่อจำเลยนำเงินมาวางศาลไว้แล้วเท่าใด ก็ไม่ต้องใช้อีกเท่านั้น

จึงพิพากษายืน

Share