คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1027/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บิดายกที่ดินรายพิพาทให้แก่นางนิตย์โจทก์และจำเลย ต่อมามีการรังวัดขอรับโฉนด การที่นางนิตย์โจทก์ใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของร่วมเฉยๆ โดยไม่แบ่งส่วนไว้ ต้องสันนิษฐานว่ามีส่วนเท่ากัน (ม.1357)
โจทก์อ้างว่านาเป็นของโจทก์มากกว่าครึ่ง คือเท่าที่โจทก์ครอบครองอยู่เวลานี้ จำเลยต่อสู้ว่าได้มอบนาให้โจทก์ไว้ทำต่างดอกเบี้ยเงินกู้ ดังนี้การที่โจทก์ทำนารายพิพาทไม่เป็นเหตุให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ โจทก์จำเป็นต้องมีเจตนาเป็นเจ้าของตาม ม.1382ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ข้อเจตนาเป็นเจ้าของนี้โจทก์นำสืบไม่ได้ก็ไม่มีสิทธิที่จะเอาที่นาทั้งหมดตามที่ครอบครองอยู่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นสามีภริยากัน โจทก์จำเลยต่างมีกรรมสิทธิ์ร่วมกันในที่นา 1 แปลง ซึ่งได้แยกครอบครองเป็นส่วนสัดมาแต่เดิม โจทก์จำเลยไปขอรังวัดแบ่งแยกโฉนดแต่ไม่ตกลงกัน จึงขอให้บังคับจำเลยแบ่งแยกนาเฉพาะส่วนให้โจทก์ตามกฎหมาย และห้ามจำเลยและบริวารอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าเนื้อที่ตามโฉนดที่โจทก์ฟ้องมี 29 ไร่ 48 วา จำเลยกับนางนิตย์โจทก์ถือกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของร่วมกันคนละครึ่งที่ดินส่วนของจำเลยกึ่งหนึ่งอยู่ทางเหนือ จำเลยได้ปลูกเรือนครอบครองมาประมาณ 20 ปีแล้ว จำเลยเคยกู้เงินโจทก์และมอบที่นาส่วนของจำเลยให้โจทก์ทำกินต่างดอกเบี้ย ก่อนโจทก์ฟ้อง จำเลยขอชำระหนี้แก่โจทก์เพื่อแบ่งแยกที่ดินกันคนละครึ่งตามส่วน แต่ไม่ตกลงกันจึงขอให้ศาลแสดงว่า จำเลยมีกรรมสิทธิ์กึ่งหนึ่ง ให้โจทก์รับชำระหนี้และมอบนาส่วนของจำเลยให้จำเลยครอบครองตามเดิมกับให้แบ่งแยกโฉนดตามส่วน และตัดฟ้องว่าฟ้องเคลือบคลุม โจทก์ให้การแก้ฟ้องว่าจำเลยไม่เคยยืมเงินโจทก์และมอบนาให้ทำต่างดอกเบี้ย และจำเลยไม่เคยขอชำระหนี้ ศาลชั้นต้นฟังว่าจำเลยเป็นลูกหนี้โจทก์ มอบนาแถวเหนือเนื้อที่ 13 ไร่ 2 งาน 8 วาให้โจทก์ทำต่างดอกเบี้ย และจำเลยเป็นเจ้าของบ้านมุมรายพิพาททางตะวันออกเฉียงเหนือ เนื้อที่ 2 งาน 80 วาด้วย ที่ตามโฉนดนอกนั้นเป็นของโจทก์พิพากษาให้โจทก์รับชำระหนี้และแบ่งแยกที่ดินในโฉนดตามส่วน ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังว่าบิดาได้ยกที่ดินตามโฉนดให้แก่จำเลยและนางนิตย์โจทก์ก่อนแล้ว ได้มีการรังวัดขอรับโฉนดภายหลังการที่นางนิตย์โจทก์ใส่ชื่อจำเลยเป็นเจ้าของร่วมเฉย ๆ โดยไม่แบ่งส่วนไว้ ก็ต้องสันนิษฐานแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1357 ว่าโจทก์จำเลยมีส่วนเท่ากัน การที่โจทก์ทำนารายพิพาทไม่เป็นเหตุให้โจทก์ได้กรรมสิทธิ์ โจทก์จำเป็นต้องมีเจตนาเป็นเจ้าของตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 ข้อเจตนาเป็นเจ้าของนี้โจทก์นำสืบไม่ได้ โจทก์จึงไม่มีสิทธิเอาที่รายพิพาททั้งหมดเป็นของโจทก์ได้

พิพากษายืน

Share