แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาซื้อขายลดตั๋วเงิน โดยจำเลยนำเช็คมาขายลดให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์ได้นำเช็คฉบับดังกล่าวไปขึ้นเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยทำสัญญาซื้อขายลดตั๋วเงินกับโจทก์ ทั้งไม่เคยนำเช็คมาขายลดให้แก่โจทก์ และไม่เคยได้รับเงินจากโจทก์ คำให้การดังกล่าวเป็นเพียงปฏิเสธลอย ๆ จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบว่า ไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลยหากจำเลยสืบพยานก็ต้องห้ามมิให้รับฟังเพราะคำให้การของจำเลยไม่มีรายละเอียดแห่งการปฏิเสธ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2539 จำเลยได้ทำสัญญาซื้อขายลดตั๋วเงินกับโจทก์ในวงเงิน 4,000,000 บาท ยอมให้โจทก์หักส่วนลดในอัตราร้อยละ 25 ต่อปี และหากโจทก์ไม่สามารถรับเงินตามตั๋วเงิน ยอมเสียดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 25 ต่อปี นับแต่วันที่ตั๋วเงินแต่ละฉบับถึงกำหนดชำระ ต่อมาจำเลยได้นำเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) สาขาบางกระบือ ลงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2540 จำนวนเงิน 4,000,000 บาทมาขายลดให้แก่โจทก์ และได้รับเงินตามเช็คโดยโจทก์หักส่วนลดไว้ตามสัญญาแล้ว ครั้นเช็คถึงกำหนด โจทก์นำไปเข้าบัญชีเพื่อเรียกเก็บเงิน ปรากฏว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 4,750,684.93 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 25 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 4,000,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องคดี จำเลยไม่เคยทำสัญญาซื้อขายลดตั๋วเงินกับโจทก์และไม่เคยนำเช็คตามที่โจทก์ฟ้องไปขายให้แก่โจทก์ ทั้งไม่เคยได้รับเงินจากโจทก์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงินจำนวน 4,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 25 ต่อปี นับแต่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2540 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ดอกเบี้ยก่อนฟ้องต้องไม่เกิน 750,684.93 บาท ตามที่โจทก์ขอ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยรับผิดตามสัญญาซื้อขายลดตั๋วเงินเอกสารหมาย จ.6 โดยจำเลยนำเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) จำนวนเงิน 4,000,000 บาท มาขายลดให้แก่โจทก์ เมื่อเช็คถึงกำหนดโจทก์ได้นำเช็คฉบับดังกล่าวไปขึ้นเงิน ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน จึงฟ้องบังคับจำเลยให้รับผิดตามสัญญา จำเลยให้การว่า จำเลยไม่เคยทำสัญญาซื้อขายลดตั๋วเงินกับโจทก์ ทั้งไม่เคยนำเช็คธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ตามฟ้องมาขายลดให้แก่โจทก์ และไม่เคยได้รับเงินจำนวน 4,000,000 บาท คำให้การดังกล่าวเป็นเพียงปฏิเสธลอย ๆ ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าลายมือชื่อจำเลยในสัญญาซื้อขายลดตั๋วเงินและลายมือชื่อในเช็คตามเอกสารท้ายฟ้องไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลย จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบว่าไม่ใช่ลายมือชื่อจำเลย หากจำเลยสืบพยานก็ต้องห้ามมิให้รับฟัง เพราะคำให้การของจำเลยไม่มีรายละเอียดแห่งการปฏิเสธ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสอง”
พิพากษายืน