แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับให้จำเลยเปิดทางจำเป็นเพราะเหตุมีการแบ่งแยกที่ดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1350ระหว่างพิจารณาคดีจำเลยทำการก่อสร้างทางผ่านที่ดินของโจทก์ทำให้ที่ดินของโจทก์มีทางออกไปสู่ทางสาธารณะได้โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาที่ดินของจำเลยเพื่อใช้เป็นทางผ่านออกไปสู่ทางสาธารณะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1350
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น เจ้าของ กรรมสิทธิ์ ที่ดินโฉนด เลขที่ 33320 ตำบล เวียง อำเภอ เมือง เชียงราย จังหวัด เชียงราย จำเลย เป็น เจ้าของ กรรมสิทธิ์ ที่ดิน โฉนด เลขที่ 30123 ซึ่ง อยู่ ติดกับที่ดิน ของ โจทก์ เดิม ที่ดิน ทั้ง สอง แปลง เป็น ที่ดิน แปลง เดียว กันตาม โฉนด เลขที่ 30123 มี นาย ดวงจันทร์ หมูชินะ และ โจทก์ เป็น เจ้าของ กรรมสิทธิ์ร่วม กัน ทาง ด้าน ทิศตะวันตก ของ ที่ดิน ดังกล่าวมี ทาง ออก สู่ ทางสาธารณะ ต่อมา วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2533ที่ดิน แปลง นี้ ถูก แบ่งแยก ออก เป็น 2 แปลง ตาม โฉนด ที่ดินดังกล่าว ข้างต้น โดย แปลง ทาง ด้าน ทิศตะวันตก เป็น ของ นาย ดวงจันทร์ และ แปลง ทาง ด้าน ทิศตะวันออก เป็น ของ โจทก์ จาก การ แบ่งแยก เป็นเหตุให้ ที่ดิน ของ โจทก์ ไม่มี ทาง ออก ไป สู่ ทางสาธารณะ ได้ เพราะ มี ที่ดินแปลง อื่น ล้อม อยู่ จำเลย ได้รับ โอน กรรมสิทธิ์ ที่ดิน จาก นาย ดวงจันทร์ เมื่อ วันที่ 24 มีนาคม 2534 หลังจาก นั้น จำเลย ได้ ล้อม รั้ว และ ถม ดินใน ที่ดิน ของ จำเลย โดย จงใจ ปิด กั้น ไม่ให้ โจทก์ ใช้ ทางผ่าน ที่ดินของ จำเลย ออก ไป สู่ ทางสาธารณะ ขอให้ บังคับ จำเลย รื้อถอน รั้วและ เปิด ทาง ยอม ให้ โจทก์ และ บริวาร ผ่าน ที่ดิน ของ จำเลย ทาง ด้าน ทิศใต้กว้าง 4 เมตร ยาว ตลอด แนว ที่ดิน ออก ไป สู่ ทางสาธารณะ
จำเลย ให้การ ว่า ที่ดิน ของ จำเลย มี รั้ว ล้อมรอบ มา นาน แล้วโจทก์ ไม่เคย ใช้ ที่ดิน ดังกล่าว เป็น ทางเดิน บริเวณ ใกล้เคียง ที่ดินของ จำเลย และ โจทก์ มี ทางเดิน เข้า ออก สู่ ทางสาธารณะ อยู่ ก่อน แล้วหลาย ทาง และ ปัจจุบัน ก็ ยัง ใช้ ได้ อยู่ ทั้ง โจทก์ ไม่เคย ครอบครองหรือ ทำประโยชน์ หรือ อยู่อาศัย ใน ที่ดิน ของ โจทก์ แต่อย่างใด โจทก์จึง ไม่มี สิทธิ ฟ้อง ขอให้ ที่ดิน ของ จำเลย เป็น ทาง จำเป็น ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า หลังจาก โจทก์ ยื่นฟ้อง คดี นี้ และ โจทก์ไม่ยอม ทำ ทาง เข้า ออก ถนน สาธารณะ ทาง ด้าน ทิศเหนือ ของ ที่ดิน โจทก์ตาม ข้อเสนอ ของ จำเลย แล้ว จำเลย จึง ยื่น คำร้อง ต่อ เทศบาล เมือง เชียงรายขออนุญาต วาง ท่อระบายน้ำ ใน ลำเหมือง สาธารณะ ทาง ทิศเหนือ ของ ที่ดิน โจทก์และ ถม เป็น ถนน เพื่อ ใช้ เป็น ทาง สัญจร เข้า ออก ทางสาธารณะ ของ ประชาชนใน หมู่บ้าน โดย จำเลย เป็น ผู้ดำเนินการ เอง และ ยกให้ แก่ เทศบาล เมืองเชียงราย เทศบาล เมือง เชียงราย อนุญาต จำเลย ทำการ ก่อสร้าง เป็นถนน กว้าง 4.70 เมตร ยาว 20 เมตร เสร็จ เรียบร้อย แล้ว ตาม คำร้องเอกสาร หมาย ล. 6 และ ภาพถ่าย หมาย ล. 7 ซึ่ง เมื่อ พิจารณา ตาม ภาพถ่ายท้าย คำร้องของโจทก์ ดังกล่าว ข้างต้น ประกอบ กับ ภาพถ่าย หมาย ล. 7จะ เห็น ได้ว่า จำเลย ทำการ ก่อสร้าง ถนน ที่ ได้ อนุญาต จาก เทศบาล เมืองเชียงราย เสร็จ เรียบร้อย แล้ว จริง หาใช่ ยัง ทำการ ก่อสร้าง ไม่ เสร็จดัง ที่ โจทก์ กล่าวอ้าง มา ใน ฎีกา ไม่ ฉะนั้น ข้อเท็จจริง จึง รับฟัง ได้ว่าปัจจุบัน ที่ดิน ของ โจทก์ มี ทาง ออก ไป สู่ ทางสาธารณะ ได้ เมื่อ กรณีเป็น เช่นนี้ แม้ ที่ดิน ของ โจทก์ โฉนด เลขที่ 33320 จะ ถูก แบ่งแยก มาจากที่ดิน โฉนด เลขที่ 30123 ของ จำเลย โจทก์ ก็ ไม่มี สิทธิเรียกร้องเอา ที่ดิน ของ จำเลย เพื่อ ใช้ เป็น ทางผ่าน ออก ไป สู่ ทางสาธารณะตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1350
พิพากษายืน