แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เครื่องแบบตำรวจครบถ้วนมีระบุไว้หลายสิ่งหลายอย่าง จำเลยเพียงแต่แต่งตัวสรวมกางเกงขาสั้นสีกากีสรวมเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีกากีมีเครื่องหมาย “น.” และ “ร” ติดที่ปกคอเสื้อ 2 ข้าง ยังไม่เรียกว่าจำเลยได้แต่งเครื่องแบบตำรวจตามความหมายใน พ.ร.บ.เครื่องแบบตำรวจ(ฉะบับที่ 3) พ.ศ.2483 มาตรา 3 ซึ่งแก้ไขมาตรา 6 เดิม จึงยังไม่เป็นผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นความผิด ๒ กะทง กะทงหนึ่งฐานมีอาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาต อีกกะทงหนึ่งฐานแต่งเครื่องแบบตำรวจโดยไม่มีสิทธิจะแต่งได้ จำเลยปฏิเสธศาลพิพากษาลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตเด็ดขาดไปแล้ว แต่ในกะทงหลังศาลล่างทั้ง ๒ ฟังข้อเท็จจริงว่า การที่จำเลยแต่งตัวสรวมกางเกงสีกากีขาสั้นสรวมเสื้อเชิ๊ตแขนยาวสีกากี มีเครื่องหมายสังกัดกรมตำรวจอักษร “น” และ “ร” ติดที่ปกคอเสื้อ ๒ ข้าง อักษร “น” หมายความว่าตำรวจนครบาล อักษร”ร”หมายความว่าโรงเรียนพลตำรวจเช่นนี้ ไม่พอที่จะถือว่าจำเลยแต่งเครื่องแบบตำรวจตามความในมาตราโรงเรียนพลตำรวจเช่นนี้ ไม่พอที่จะถือว่าจำเลยแต่งเครื่องแบบตำรวจตามความในมาตรา ๖, ๑๑ แห่งพระราชบัญญัติเครื่องแบบตำรวจ พ.ศ. ๒๔๗๗ เพราะเครื่องแบบตำรวจครบถ้วนมีระบุไว้หลายสิ่งหลายอย่าง เสื้อกางเกงสีกากีสามัญชนก็มีสิทธิแต่งได้ เพียงมีเครื่องหมายสังกัด “น” “ร” ติดที่ปกคอเสื้อไม่เอาผิดจำเลยในกะทงนี้ โจทก์จึงฎีกาขึ้นมา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยแต่งกายดังกล่าวข้างต้นนี้ ยังไม่เรียกว่าจำเลยได้แต่งเครื่องแบบตำรวจตามความหมายในพ.ร.บ.เครื่องแบบตำรวจ (ฉะบับที่ ๓) ๒๔๘๓ มาตรา ๓ ซึ่งแก้ไขมาตรา ๖ เดิม ดังที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยไว้เป็นการชอบแล้ว
จึงพิพากษายืน