คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10220/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 นำแผ่นวีซีดีเพลงและแผ่นซีดีรอมเอ็มพีสาม ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสามออกขาย เสนอขาย และมีไว้เพื่อการขายแก่บุคคลทั่วไปเพื่อการค้า จำนวน 1,406 แผ่น เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองพร้อมยึดได้แผ่นวีซีดีเพลงและแผ่นซีดีรอมเอ็มพีสามที่ละเมิดลิขสิทธิ์จำนวน 1,406 แผ่น และเงิน 8,540 บาท ที่จำเลยทั้งสองได้มาจากการจำหน่ายแผ่นซีดีรอมเอ็มพีสามและแผ่นซีดีเพลงเป็นของกลาง ข้อเท็จจริงดังกล่าวยังรับฟังไม่ได้ชัดเจนว่า เงินของกลางจำนวนดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่จำเลยที่ 1 ได้มาจากการขายเสนอขายและมีไว้เพื่อขายแผ่นวีซีดีเพลงและแผ่นซีดีรอมเอ็มพีสาม จำนวน 1,406 แผ่น ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ผู้เสียหายทั้งสามในคดีนี้ หรือที่ได้มาจากการกระทำการในครั้งก่อนซึ่งโจทก์ก็มิได้ฟ้องถึงการกระทำดังกล่าวในครั้งก่อนมาด้วย กรณีจึงไม่อาจฟังได้ว่าเงิน 8,540 บาท เป็นทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้มาโดยได้กระทำความผิดตามความหมายของ ป.อ. มาตรา 33 (2) ที่จะลงโทษทางอาญาแก่จำเลยที่ 1 ด้วยการริบทรัพย์สินได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งไม่ริบเงินของกลางชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 4 , 6 , 8 , 15 , 27 , 28 , 31 , 61 , 70 , 75 , 76 พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา 4 , 54 , 82 , 91 พระราชบัญญัติควบคุมกิจการเทปและวัสดุโทรทัศน์ พ.ศ.2530 มาตรา 4 , 6 , 34 พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 11 , 62 , 81 พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2521 มาตรา 6 , 33 พระราชบัญญัติการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ.2551 มาตรา 5 , 7 , 9 , 51 , 57 , 60 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 , 33 , 83 , 91 ให้แผ่นซีดีรอมเอ็มพีสาม และแผ่นวีซีดีเพลงที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสาม จำนวน 1,406 แผ่น ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ กับสั่งจ่ายเงินค่าปรับฐานละเมิดลิขสิทธิ์กึ่งหนึ่งให้แก่ผู้เสียหายทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ และริบเงิน 8,540 บาท อันเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดตามฟ้อง (ง)
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 1 ขอถอนคำให้การเดิมและเปลี่ยนเป็นให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 หลบหนี ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางจำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2 จากสารบบความชั่วคราว และให้โจทก์แยกฟ้องจำเลยที่ 2 เป็นคดีใหม่
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา31 (1) , 70 วรรคสอง พระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 มาตรา54 (ที่ถูก วรรคหนึ่ง) , 82 การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้อื่นเพื่อการค้า ลงโทษจำคุก 1 ปี และปรับ 200,000 บาท ความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่า แลกเปลี่ยนและจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ200,000 บาท รวมโทษทุกกระทงแล้ว เป็นจำคุก 1 ปี และปรับ 400,000 บาทจำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละกึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 6 เดือน และปรับ 200,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้มีกำหนด 1 ปี ให้จำเลยที่ 1 ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 4 ครั้ง ตามเงื่อนไขและกำหนดเวลาที่พนักงานคุมประพฤติเห็นสมควร ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29 , 30 โดยให้กักขังแทนค่าปรับเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ให้ของกลางที่ละเมิดลิขสิทธิ์ตกเป็นของเจ้าของลิขสิทธิ์ และให้จ่ายเงินค่าปรับที่ได้ชำระตามคำพิพากษาฐานละเมิดลิขสิทธิ์เป็นจำนวนกึ่งหนึ่งแก่ผู้เสียหายซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ ส่วนคำขอที่ให้ริบเงิน 8,540 บาท นั้น ตามคำฟ้องไม่ปรากฏพฤติการณ์การจำหน่ายแผ่นซีดีเอ็มพีสามและแผ่นวีซีดีเพลงของจำเลยที่ 1 จึงไม่ริบ
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่าโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับจำเลยที่ 2 นำแผ่นวีซีดีเพลงและแผ่นซีดีรอมเอ็มพีสาม ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เสียหายทั้งสามออกขาย เสนอขาย และมีไว้เพื่อการขายแก่บุคคลทั่วไปเพื่อการค้า จำนวน 1,406 แผ่น เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองพร้อมยึดได้แผ่นวีซีดีเพลงและแผ่นซีดีรอมเอ็มพีสามที่ละเมิดลิขสิทธิ์ จำนวน 1,406 แผ่น และเงิน 8,540 บาท ที่จำเลยทั้งสองได้มาจากการจำหน่ายแผ่นซีดีรอมเอ็มพีสามและแผ่นวีซีดีเพลงเป็นของกลาง ข้อเท็จจริงดังกล่าวยังรับฟังไม่ได้ชัดเจนว่า เงินของกลางจำนวนดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่จำเลยที่ 1 ได้มาจากการขายเสนอขายและมีไว้เพื่อขายแผ่นวีซีดีเพลงและแผ่นซีดีรอมเอ็มพีสาม จำนวน 1,406 แผ่น ที่ละเมิดลิขสิทธิ์ผู้เสียหายทั้งสามในคดีนี้ หรือที่ได้มาจากการกระทำการในครั้งก่อนซึ่งโจทก์ก็มิได้ฟ้องถึงการกระทำดังกล่าวในครั้งก่อนมาด้วย กรณีจึงไม่อาจฟังได้ว่าเงิน 8,540 บาท เป็นทรัพย์สินซึ่งบุคคลได้มา โดยได้กระทำความผิดตามความหมายของประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33 (2) ที่จะลงโทษทางอาญาแก่จำเลยที่ 1 ด้วยการริบทรัพย์สินได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งไม่ริบเงินของกลางชอบแล้ว
พิพากษาแก้เป็นว่า ความผิดฐานประกอบกิจการให้เช่าหรือจำหน่ายวีดิทัศน์โดยไม่ได้รับใบอนุญาต ลงโทษปรับ 100,000 บาท จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงปรับ 50,000 บาทรวมกับโทษในความผิดฐานละเมิดลิขสิทธิ์ผู้อื่นเพื่อการค้า เป็นจำคุก 6 เดือน และปรับ 150,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง

Share