คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1022/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

จำเลยยื่นฎีกา แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาเพราะต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งให้จำเลยนำเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษามาวางหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตาม ป.วิ.พ. มาตรา 234 ประกอบมาตรา 247 แต่จำเลยไม่ดำเนินการดังกล่าวจนพ้นกำหนดเวลาศาลฎีกาจึงมีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา คดีย่อมถึงที่สุดไปแล้วตาม ป.วิ.พ. มาตรา 147 วรรคสอง จำเลยไม่อาจยื่นคำร้องขอให้คำพิพากษาเป็นโมฆะได้อีก

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยและบริวารรื้อถอนบ้านเลขที่ 45 หมู่ที่ 5 ตำบลสิงโตทอง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 5023 ตำบลหมอนทอง (สิงโตทอง) อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ของโจทก์ ห้ามเกี่ยวข้องกับที่ดินดังกล่าวของโจทก์ และให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 2,400 บาท และเดือนละ 800 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะรื้อถอนบ้านออกไปจากที่ดินของโจทก์ จำเลยยื่นคำให้การและแก้ไขคำให้การต่อสู้คดี ขอให้ยกฟ้อง เมื่อถึงวันนัดสืบพยานจำเลย จำเลยไม่มาศาล ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้จำเลยขาดนัดพิจารณา โดยให้พิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว และพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 45 หมู่ที่ 5 ตำบลสิงโตทอง อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 5023 ตำบลหมอนทอง (สิงโตทอง) อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา กับให้ชำระค่าเสียหาย 2,400 บาท และเดือนละ 800 บาท แก่โจทก์นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะรื้อถอนบ้านเลขที่ดังกล่าวเสร็จสิ้น จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา
จำเลยยื่นคำร้องว่า คำพิพากษาคดีนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน เป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้คือ ศาลชั้นต้นรับฟังคำให้การของจำเลยโดยมิชอบเพราะทนายจำเลยยื่นคำให้การโดยไม่ให้จำเลยตรวจสอบก่อน จึงมิได้เป็นไปตามเจตนาของจำเลย ไม่อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การใหม่ ตั้งประเด็นขัดต่อกฎหมาย ไม่รับอุทธรณ์คำสั่งที่ยกคำร้องขอให้พิจารณาปัญหาข้อกฎหมาย และไม่ไต่สวนคำร้องที่ไม่จงใจขาดนัด นอกจากนี้จำเลยได้คัดค้านคำสั่งศาลชั้นต้นหลายเรื่อง เช่น คำฟ้องโจทก์เป็นคดีมีทุนทรัพย์จะรับคดีเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ไม่ได้ แต่ศาลชั้นต้นไม่รับฟ้อง เมื่อคำพิพากษาเป็นโมฆะ จำเลยจึงไม่จำต้องปฏิบัติตามคำบังคับจนกว่าจะมีการพิจารณาใหม่ แล้วมีคำพิพากษาให้ถูกกฎหมาย ขอให้ไต่สวนคำร้องหรือสั่งให้ดำเนินคดีใหม่ตั้งแต่ยื่นคำให้การจำเลยใหม่
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยยื่นคำร้องนี้ขอให้ศาลไต่สวนหรือให้ดำเนินคดีใหม่ แต่ตามคำร้องไม่ใช่เหตุที่จะยกขึ้นกล่าวอ้างเพื่อให้จำเลยพิจารณาคดีใหม่ได้ ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า การดำเนินกระบวนพิจารณาคดีนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน โดยอ้างเหตุต่าง ๆ ว่าที่ทนายจำเลยดำเนินคดีไปโดยมิได้เป็นไปตามเจตนาของจำเลยทำให้ศาลพิจารณาและตัดสินคดีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย คำพิพากษาจึงเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 150 นั้น เห็นว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนบ้านเลขที่ 45 ซึ่งตั้งอยู่บนที่ดินโฉนดเลขที่ 5023 ตำบลหมอนทอง (สิงโตทอง) อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา และให้ชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยตามข้ออุทธรณ์ของจำเลยแล้วพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยฎีกา แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาเพราะเหตุคดีนี้ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริงและฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในข้อเท็จจริง จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งให้ยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา เนื่องจากศาลฎีกามีคำสั่งให้จำเลยนำเงินที่ต้องชำระตามคำพิพากษามาวางหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบมาตรา 247 เมื่อจำเลยไม่ดำเนินการดังกล่าวจนพ้นกำหนดระยะเวลา คดีย่อมถึงที่สุดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 147 วรรคสอง จำเลยจึงไม่อาจยื่นคำร้องขอให้คำพิพากษาเป็นโมฆะได้ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกคำร้องมานั้นชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share