แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 ในช่วงเวลาระหว่างวันที่โจทก์รับจ้างตกแต่งร้านค้าให้จำเลยที่ 1 ตั้งแต่เดือนกันยายน 2538 จนถึงวันที่ทำการตกแต่งร้านค้าเสร็จเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2538 และได้ลาออกจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 เมื่อปลายเดือนธันวาคม 2540 โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2540 อยู่ในเวลาสองปีนับแต่วันที่จำเลยที่ 2 ออกจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ชำระเงินค่าจ้างตามฟ้อง ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1068 ประกอบมาตรา 1080 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าจ้างพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน ๒๙๒,๐๘๒ บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันที่ ๓๐ มกราคม ๒๕๓๙ เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยคิดถึงวันฟ้องต้องไม่เกินจำนวน ๔๐,๑๖๑ บาท และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ ๔,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๒,๐๐๐ บาท แทนโจทก์
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังได้ว่า เมื่อประมาณต้นเดือนกันยายน ๒๕๓๘ จำเลยที่ ๑ ได้ตกลงว่าจ้างโจทก์ตกแต่งร้านค้าของจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๑ ได้ชำระค่าจ้างบางส่วนให้แก่โจทก์ โดยสั่งจ่ายเช็คลงวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๓๙ คงค้างชำระอีกจำนวนหนึ่ง
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสองว่า จำเลยที่ ๒ ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ชำระค่าจ้างที่ค้างชำระตามฟ้องหรือไม่ จำเลยทั้งสองฎีกาว่าขณะที่โจทก์ฟ้อง จำเลยที่ ๒ ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ในการว่าจ้างโจทก์ จำเลยที่ ๒ ไม่ต้องรับผิดนั้น เห็นว่า โจทก์มีหนังสือรับรองซึ่งสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครออกให้ ณ วันที่ ๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๐ ระบุว่า จำเลยที่ ๑ จดทะเบียนนิติบุคคลเมื่อวันที่ ๒ กรกฎาคม ๒๕๓๕ มีจำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ ซึ่งจำเลยที่ ๒ ก็เบิกความรับว่า ในปี ๒๕๓๘ จำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ และได้ลาออกจากตำแหน่งดังกล่าวเมื่อปลายเดือนธันวาคม ๒๕๔๐ ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่าจำเลยที่ ๒ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ ในช่วงเวลาระหว่างวันที่โจทก์รับจ้างตกแต่งร้านค้าให้จำเลยที่ ๑ ตั้งแต่เดือนกันยายน ๒๕๓๘ จนถึงวันที่ทำการตกแต่งร้านค้าเสร็จเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๓๘ โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ ๒๕ ธันวาคม ๒๕๔๐ อยู่ในเวลาสองปีนับแต่วันที่จำเลยที่ ๒ ออกจากการเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการของจำเลยที่ ๑ ดังนั้น จำเลยที่ ๒ จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ ๑ ชำระเงินค่าจ้างตามฟ้องตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๐๖๘ ประกอบมาตรา ๑๐๘๐ วรรคหนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าจ้างพร้อมดอกเบี้ยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยทั้งสองทุกข้อฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๒,๐๐๐ บาท แทนโจทก์.