แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การยื่นคำร้องขอถอนฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175วรรคสอง มิได้ระบุให้โจทก์ต้องแสดงเหตุผลในการถอนฟ้องให้จำเลยทราบแต่อย่างใดเพียงแต่กฎหมายห้ามไม่ให้ศาลอนุญาตโดยมิได้ฟังจำเลยก่อนเท่านั้น ส่วนที่จำเลยอ้างว่าศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจะทำให้ตนเสียเปรียบในการต่อสู้คดีนั้น ก็ปรากฏว่าคดียังไม่มีการนำพยานทั้งของโจทก์และจำเลยเข้าสืบ ฉะนั้น หากจำเลยมิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา การที่โจทก์ขอถอนฟ้องก็มิได้ทำให้โจทก์ได้เปรียบหรือทำให้จำเลยเสียเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใด จึงเห็นควรอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันส่งมอบรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนโจทก์ในสภาพเรียบร้อยใช้การได้ดี หากไม่สามารถคืนได้ให้ร่วมกันใช้ราคาแทนเป็นเงิน 317,000 บาท และร่วมกันชำระค่าเสียหายเป็นค่าขาดประโยชน์จำนวน48,000 บาท และค่าเสียหายเดือนละ 4,000 บาท แก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และโจทก์ไม่ได้เสียหายตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ในระหว่างพิจารณา วันที่ 30 กันยายน 2541 โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนคำฟ้องจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2ซึ่งคัดค้านศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาต
ต่อมาวันที่ 24 มิถุนายน 2542 โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนคำฟ้องจำเลยที่ 2 โดยให้เหตุผลว่าโจทก์ได้โอนสิทธิเรียกร้องตามสัญญาเช่าซื้อให้แก่บริษัทบางกอกแคปปิตอล-เวนเจอส์ จำกัด เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2541 จำเลยที่ 2 แถลงคัดค้าน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งในวันดังกล่าวอนุญาตให้โจทก์ถอนคำฟ้องจำเลยที่ 2 และให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยในชั้นฎีกาว่าสมควรอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 2 หรือไม่ จำเลยที่ 2 ฎีกาสรุปความได้ว่า คำร้องขอถอนฟ้องของโจทก์ไม่มีเหตุผลโดยชอบและการถอนฟ้องทำให้จำเลยที่ 2 เสียเปรียบเนื่องจากจำเลยที่ 2ให้การต่อสู้ว่า โจทก์บอกเลิกสัญญาเช่าซื้อโดยมิชอบไม่มีผลทำให้สัญญาเช่าซื้อเลิกกันโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ที่โจทก์ขอถอนฟ้องก็เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องดังกล่าวแล้วนำคดีมาฟ้องจำเลยที่ 2 ใหม่นั้น เห็นว่า การยื่นคำร้องขอถอนฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 175 วรรคสอง มิได้ระบุให้โจทก์ต้องแสดงเหตุผลในการถอนฟ้องให้จำเลยที่ 2 ทราบแต่อย่างใด เพียงแต่กฎหมายห้ามไม่ให้ศาลอนุญาต โดยมิได้ฟังจำเลยที่ 2 ก่อนเท่านั้น ส่วนที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าถ้าศาลอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 2 จะเสียเปรียบในการต่อสู้คดีนั้น เนื่องจากคดีนี้ยังไม่มีการนำพยานทั้งของโจทก์และจำเลยที่ 2 เข้าสืบและเมื่อพิเคราะห์ถึงเหตุที่จำเลยที่ 2 ยกขึ้นอ้างว่าทำให้จำเลยที่ 2 เสียเปรียบแล้ว เห็นว่า หากจำเลยที่ 2 มิได้เป็นฝ่ายผิดสัญญา การที่โจทก์ขอถอนฟ้องก็มิได้ทำให้โจทก์ได้เปรียบหรือทำให้จำเลยที่ 2 เสียเปรียบในเชิงคดีแต่อย่างใด ที่ศาลล่างทั้งสองอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 2 จึงเป็นดุลพินิจที่ชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน