คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1020/2498

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้ค้ำประกันจำเลยตามคำสั่งคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีของศาลอุทธรณ์โดยมีข้อสัญญาค้ำประกันว่า ถ้าจำเลยแพ้คดีในชั้นศาลอุทธรณ์และจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลผู้ค้ำประกันยอมชำระให้โจทก์แทนจำเลยจนครบนั้น แม้ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแพ้คดีและในระหว่างฎีกาโจทก์จะมิได้ขอให้บังคับคดีเอาแก่จำเลยจนศาลฎีกาพิพากษาแล้วจึงบังคับก็ตาม ก็ไม่ถือว่าโจทก์ผู้เป็นเจ้าหนี้ได้ผ่อนเวลาให้แก่จำเลยอันจะเป็นเหตุให้ผู้ค้ำประกันพ้นจากความรับผิดไปได้

ย่อยาว

เรื่องเดิมศาลชั้นต้นพิพากษาให้นายสำเภาจำเลยใช้เงิน 340,260.73 บาท ให้แก่โจทก์ จำเลยยื่นคำร้องขอทุเลาการบังคับคดีต่อศาลอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้จำเลยหาประกันให้เป็นที่พอใจศาลชั้นต้นแล้วก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับคดีได้ นางพุดซ้อน ได้มาเป็นผู้ค้ำประกันโดยทำสัญญาค้ำประกันต่อศาลมีความสำคัญว่า “ถ้าคดีนี้จำเลยแพ้โจทก์ในชั้นศาลอุทธรณ์และจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาล ผู้ค้ำประกันยินยอมชำระให้โจทก์แทนจำเลยจนครบ ฯลฯ”

ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาคงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น

ชั้นบังคับคดีนางพุดซ้อนผู้ค้ำประกันคัดค้านว่าได้ค้ำประกันเฉพาะในชั้นอุทธรณ์เท่านั้น

ศาลชั้นต้นสั่งให้ยกคำร้อง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

นางพุดซ้อนผู้ค้ำประกันฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่าตามสัญญาค้ำประกันระบุว่าถ้าจำเลยแพ้โจทก์ชั้นศาลอุทธรณ์ และจำเลยไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา ผู้ค้ำประกันจะชำระแทนจนครบ คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยแพ้คดียืนตามศาลชั้นต้นและศาลฎีกาก็คงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ เมื่อจำเลยไม่ชำระเงินให้โจทก์ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ผู้ค้ำประกันจึงต้องรับผิดตามสัญญาค้ำประกันแต่ไม่เกินกว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา การที่โจทก์ยังไม่ได้ขอให้บังคับจำเลยใช้เงินเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว ซึ่งเป็นเวลาระหว่างฎีกานั้นยังฟังไม่ได้ว่าเจ้าหนี้คือโจทก์ยอมผ่อนเวลาให้แก่จำเลย ศาลฎีกาจึงพิพากษายืน ค่าทนายชั้นศาลฎีกาเดิมผู้ค้ำประกันไม่ต้องรับผิดด้วย

Share