แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยทั้งสองขอเลื่อนคดีในชั้นไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ติดต่อกันถึง 5 ครั้ง ศาลชั้นต้นจึงยกคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ของจำเลยทั้งสอง และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตาม การที่จำเลยทั้งสองจะฎีกาในปัญหาตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับการขอพิจารณาใหม่นั้น จำเลยทั้งสองต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ประกอบมาตรา 247 เมื่อไม่ปฏิบัติตาม ฎีกาจำเลยทั้งสองจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยทั้งสองจึงชอบแล้ว
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน1,267,174.67 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16 ต่อปี จากต้นเงิน 1,143,808.08 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่
ในชั้นไต่สวนจำเลยทั้งสองขอเลื่อนคดีติดต่อกันรวม 5 ครั้ง ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งยกคำร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ของจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยทั้งสองไม่ได้วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนโจทก์จำนวน 37,505 บาท จึงให้วางเงินดังกล่าวภายในวันที่ 9 ตุลาคม 2544 มิฉะนั้นจะไม่รับฎีกา และต่อมามีคำสั่งว่าจำเลยทั้งสองไม่วางเงินค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ภายในกำหนด จึงไม่รับฎีกา คืนค่าขึ้นศาลทั้งหมด
จำเลยทั้งสองเห็นว่า การยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในชั้นขอให้พิจารณาคดีใหม่ มิใช่เป็นการคัดค้านในเนื้อหาของคำพิพากษาของศาล จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องวางเงินค่าฤชาธรรมเนียมที่จะต้องใช้แทนโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ขอให้ศาลฎีกามีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณา
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “พิเคราะห์แล้ว แม้จะเป็นการฎีกาในปัญหาตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับการขอให้พิจารณาใหม่ก็ตาม จำเลยก็ต้องนำเงินค่าฤชาธรรมเนียมซึ่งจะต้องใช้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตามคำพิพากษาหรือคำสั่งมาวางศาลพร้อมฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 229 ประกอบมาตรา 247 เมื่อจำเลยไม่ปฏิบัติตาม ฎีกาจำเลยจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง”