แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมจำเลยต้องหาว่าชิงทรัพย์ผู้ตายเป็นผู้ใหญ่บ้าน ได้จับจำเลยได้ในที่สุดศาลพิพากษาจำคุก จำเลยหลบหนีเรือนจำและเคยพูดอาฆาตผู้ตายไว้ วันเกิดเหตุผู้ตายเห็นจำเลยเดินลุยน้ำมา จึงร้องทักไป จำเลยจำเสียงผู้ตายได้จึงตรงเข้าแทงผู้ตายตามที่พูดอาฆาตไว้ ผู้ตายรักษาตัวอยู่ 21 วันก็ตาย ดังนี้ รูปคดีหาใช่เป็นเรื่องจำเลยแทงเพราะผู้ตายเข้าทำการจับกุมไม่ คดีไม่เข้าบทมาตรา 250 ข้อ 2 ฐานฆ่าเจ้าพนักงานซึ่งทำการตามหน้าที่ และจะลงโทษจำเลยตามมาตรา 250 ข้อ 3 ฐานฆ่าคนตายโดยความพยายามด้วยความพยาบาทมาดหมายก็ไม่ได้ เพราะแม้จำเลยจะแทงผู้ตายด้วยความพยาบาท ก็ขาดความพยายาม โดยจำเลยมาพบผู้ตายเข้าในที่เกิดเหตุโดยบังเอิญ การที่จำเลยใช้มีดปลายแหลมแทงผู้ตายโดยแรง จนทะลุถึงน้ำดี ประกอบกับจำเลยเคยพูดอาฆาตไว้ก่อนแล้ว ดังนี้ จำเลยย่อมมีความผิดฐานฆ่าคนโดยเจตนา.
ย่อยาว
ความว่า เดิมจำเลยต้องหาว่าชิงทรัพย์ นายนาถผู้ใหญ่บ้านจับจำเลยได้ ศาลพิพากษาจำคุกจำเลยแล้วจำเลยหนีเรือนจำมาหลบซ่อนในท้องที่ผู้ใหญ่นาถ จำเลยเคยกล่าวคำอาฆาตไว้ภายหลังหนีเรือนจำแล้วว่า จะฆ่าผู้ใหญ่นาถเสีย วันเกิดเหตุผู้ใหญ่นาถนั่งเล่นที่สะพานน้ำ บังเอิญเห็นจำเลยลุยน้ำมา จึงร้องไป จำเลยจำเสียงผู้ใหญ่นาถได้ เพราะเป็นคนคุ้นเคยกัน จึงตรงเข้าแทงผู้ใหญ๋นาถตามที่พูดอาฆาตไว้ ผู้ใหญ่นาถคงใช้ไม้คมแฝกที่ถืออยู่ตีศีรษะจำเลยแตก ผู้ใหญ่นาถรักษาตัวอยู่ได้ ๒๑ วันก็ตาย โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าเจ้าพนักงานตายโดยเจตนา ด้วยความพยาบาทมาดหมาย ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลย ๑๐ ปีตามมาตรา ๒๕๐ ข้อ ๒ ประกอบด้วยมาตรา ๒๕๑ ตอน ๒ ศาลอุทธรณ์เห็นว่าจำเลยมีผิดตามมาตรา ๒๕๐ ข้อ ๒ ให้ประหารชีวิต
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า รูปคดีหาใช่จำเลยแทงเพราะผู้ใหญ่นาถเข้าจับกุมจำเลยดังฟ้องไม่ คดีไม่เข้าบทมาตรา ๒๕๐ ข้อ ๒ และจะลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๕๐ ข้อ ๓ ก็ไม่ได้ เพราะแม้จำเลยจะแทงผู้ใหญ่นาถด้วยความพยาบาทก็ขาดความพยายาม โดยจำเลยมาพบผู้ใหญ่นาถในที่เกิดเหตุโดยบังเอิญ
การที่จำเลยใช้มีดพกปลายแหลมแทงผู้ใหญ่นาถโดยแรงจนทะลุถึงถุงน้ำดี ประกอบกับจำเลยเคยพูดอาฆาตไว้ก่อนแล้วว่า “จะฆ่าผู้ใหญ่นาถเสีย” ดังนี้ แสดงว่า จำเลยมีเจตนาจะฆ่าผู้ใหญ่นาถ
พิพากษาแก้ เป็นลงโทษจำเลยตามมาตรา ๒๔๙ ให้จำคุกตลอดชีวิต.