แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยใช้มีดดาบตัวมีดยาวประมาณ ๑๘ นิ้ว ด้ามมีดยาวประมาณ๑๓ นิ้ว เป็นอาวุธฟันโจทก์ร่วมที่ใบหน้าซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญ และโจทก์ร่วมมีบาดแผลลึกถึงกระดูก แต่บริเวณใบหน้ามิใช่ส่วนหนาของร่างกายและไม่ปรากฏว่ากระดูกบริเวณดังกล่าวของโจทก์ร่วมแตกหรือร้าวแต่อย่างใด แสดงว่าจำเลยมิได้ใช้อาวุธมีดดังกล่าวฟันโจทก์ร่วมโดยแรง และการที่จำเลยเข้ามาฟันโจทก์ร่วมด้วยอารมณ์โกรธในครั้งแรกอย่างรวดเร็วเช่นนั้น หากจำเลยมีเจตนาฆ่าคงฟันโจทก์ร่วมแรงกว่านั้นหรือใช้มีดดาบแทงที่หน้าตาของโจทก์ร่วม มิใช่เงื้อมีดจะฟันโจทก์ร่วมอีก จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนาฆ่าโจทก์ร่วม จำเลยคงมีเจตนาทำร้ายร่างกายโจทก์ร่วมเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าโจทก์ร่วมต้องเข้ารักษาตัวโดยนอนที่โรงพยาบาล ๗ วัน หลังจากนั้นได้มารักษาตัวที่บ้านต่อเป็นเวลาอีก ๒ เดือน ขณะที่มาอยู่ที่บ้าน ๒ เดือนนี้ โจทก์ร่วมมีอาการไม่ปกติเนื่องจากเจ็บปาก เมื่อเคี้ยวอาหารจะรู้สึกเจ็บ ดังนี้ถือได้ว่าโจทก์ร่วมได้รับอันตรายสาหัสต้องทุพพลภาพป่วยเจ็บด้วยอาการทุกขเวทนาและจนประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่า ๒๐ วัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ได้รับอันตรายสาหัส ตาม ป.อ.มาตรา ๒๙๗
การที่ จ.นักร้องสาวที่จำเลยชอบพอติดพันอยู่ลุกจากโต๊ะจำเลยไปบริการโจทก์ร่วม เมื่อ จ.กลับมาที่โต๊ะจำเลย ก็มีพนักงานบริการมาตามให้ไปที่โต๊ะโจทก์ร่วมอีกนั้น ไม่ใช่เหตุที่จำเลยจะอ้างได้ว่าถูกโจทก์ร่วมข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรม การที่จำเลยทำร้ายโจทก์ร่วมเพราะเกิดจากอารมณ์ของจำเลยเองมิใช่มีผู้ใดก่อ ทั้งไม่ปรากฏว่าโจทก์ร่วมได้เข้าทำร้ายจำเลยก่อน หรือด่าว่าดูถูกเหยียดหยามจำเลยอย่างรุนแรงแต่อย่างใด หากจำเลยไม่ใส่ใจ จ.ที่ลุกไปลุกมาที่โต๊ะจำเลยกับโต๊ะโจทก์ร่วม จำเลยก็ไม่เสียอารมณ์เอง ดังนี้ การที่จำเลยใช้มีดฟันโจทก์ร่วมเพราะเหตุดังกล่าว จำเลยจะอ้างว่าบันดาลโทสะถูกโจทก์ร่วมข่มเหงอย่างร้ายแรงด้วยเหตุอันไม่เป็นธรรมมิได้