คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1017/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ เป็นไปตามสภาพของที่นั่นเองไม่มีกฎหมายบังคับว่าสาธารณสมบัติของแผ่นดินจะต้องขึ้นทะเบียนไว้ ที่ดินพิพาทเป็นที่กักกันสัตว์ป่วยไว้รักษาซึ่งราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน จึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 โจทก์จะอ้างว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์โดยครอบครองทำประโยชน์มานานแล้วหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์แต่ละคนเป็นเจ้าของที่ดินต่างแปลงมีอาณาเขตติดต่อกันมานานกว่า ๓๐ ปี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๔ โจทก์ได้แบ่งที่ดินส่วนหนึ่งให้ทางราชการเพื่อปลูกสร้างโรงพยาบาล คงเหลือที่ดินอีก ๒๖ ไร่ ซึ่งโจทก์ได้แบ่งเฉลี่ยวกันเป็นสัดส่วนตามส่วนที่เคยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์โดยไม่มีผู้ใดโต้แย้งคัดค้าน ต่อมาจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นพนักงานสำนักงานราชพัสดุจังหวัดได้ทำการรังวัดปักเขตที่ดินของโจทก์ และเสนอเรื่องต่อไปยังจำเลยที่ ๒ เพื่อให้รับขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นที่ดินราชพัสดุ จำเลยที่ ๒ ได้ขึ้นทะเบียนที่ดินโจทก์เป็นที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขที่ ศก.๕๔๕ อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ โจทก์ได้ทำหนังสือคัดค้านยื่นต่อราชพัสดุจังหวัดศรีสะเกษเพื่อขอให้ทางราชการเพิกถอนที่ดินราชพัสดุแปลงดังกล่าวออกจากทะเบียนเสีย แต่จำเลยที่ ๒ ก็ยังไม่ทำการเพิกถอนให้ ขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ โจทก์แต่ละคนมีสิทธิครอบครองตามส่วนของตนตามแผนที่เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๓ ให้เพิกถอนทะเบียนที่ดินราชพัสดุแปลงหมายเลขที่ ศก.๕๔๕ ออกจากทะเบียนที่ดินราชพัสดุเสีย
จำเลยทั้งสองให้การว่า โจทก์ไม่ใช่เจ้าของที่ดินหรือมีสิทธิครอบครองในที่ดินพิพาท ที่ดินพิพาทเดิมเป็นที่รกร้างว่างเปล่า สำหรับราษฎรในเขตตำบลบึงบูรพใช้ประโยชน์ร่วมกัน โดยใช้เป็นที่กักกันสัตว์ที่เจ็บป่วยเป็นโรค เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโรคระบาดสัตว์ในหมู่บ้านเป็นที่ดินของรัฐซึ่งเป้นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน และทางราชการได้ประกาศขึ้นทะเบียนเป็นที่ราชพัสดุเพื่อสงวนไว้ใช้ประโยชน์ในทางราชการมิใช่ที่ดินของโจทก์ ขอให้ศาลพิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสิบเก้าคนอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสิบเก้าคนฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์นั้น โจทก์นำสืบว่า ที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์โดยครอบครองทำประโยชน์มานาน แต่โจทก์ทุกคนยกเว้นโจทก์ที่ ๑๙ ไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ดิน เช่น ใบเหยียบย่ำ ตราจอง หรือหลักฐานแจ้งสิทธิครอบครองที่ดิน (ส.ค.๑) เป็นพยานสนับสนุน สำหรับโจทก์ที่ ๑๙ แม้จะมีใบเหยียบย่ำเอกสารหมาย จ.๗ เป็นพยานสนับสนุน แต่ข้อเท็จจริงก็ไม่ได้ความชัดว่า ที่ดินตามใบเหยียบย่ำดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของที่ดินพิพาท แม้โจทก์บางคนจะเสียภาษีบำรุงท้องที่ก็ไม่ใช่พยานหลักฐานที่แสดงว่าโจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินพิพาท พยานหลักฐานของโจทก์จึงเลื่อนลอยไม่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่วนจำเลยมีพยานหลายคน อาทิ นายสีดา แดงงาม อายุ ๘๔ ปี นายจันทร์ วงศ์จอม อายุ ๖๘ ปี นายมานิตย์ บุญเย็น อายุ ๗๒ ปี นายเมือง วงศ์จอม อายุ ๖๓ ปี ต่างยืนยันว่าที่ดินพิพาทเป็นที่กักกันสัตว์ป่วยไว้รักษาซึ่งราษฎาใช้ประโยชน์ร่วมกัน พยานจำเลยเหล่านี้เป็นคนเก่าคนแก่ ได้รู้เห็นสภาพความเป็นมาของที่ดินพิพาทแห่งนี้โดยใกล้ชิดตลอดมา น่าเชื่อว่าที่ดินพิพาทเป็นที่กันกันสัตว์ป่วยไว้รักษา ซึ่งราษฎรใช้ประโยชน์ร่วมกันอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้ทางราชการจะไม่ได้ขึ้นทะเบียนสาธารณะสมบัติของแผ่นดินไว้ กฎหมายก็ไม่ได้บังคับว่าจะต้องขึ้นทะเบียนไว้ เพราะการจะเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินหรือไม่ เป็นไปตามสภาพของที่นั้นเอง ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าที่ดินพิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งพลเมืองใช่ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๔ (๒) หาใช่เป็นของโจทก์ไม่ ไม่จำต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่นของโจทก์อีกต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share