คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 294/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คจากจำเลยที่ 1 ผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ 2 ผู้สลักหลัง จำเลยให้การต่อสู้ว่า โจทก์รับจ้างจำเลยต่อตัวถังรถยนต์ และจำเลยมอบเช็คดังกล่าวให้โจทก์ไว้เป็นประกันสินจ้าง โจทก์ผิดสัญญาทำงานล่าช้า จำเลยบอกเลิกสัญญา เรียกรถยนต์และเช็คประกันคืน โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามเช็ค ปรากฏว่ารถยนต์ของจำเลยที่จ้างโจทก์ต่อตัวถัง อุปกรณ์หายไปหลายอย่าง จำเลยต้องจ้างบุคคลอื่นต่อตัวถังรถเสียค่าจ้างเพิ่มขึ้น และจำเลยต้องขาดรายได้จากการเสียเวลาไม่ได้รับจ้างบรรทุกสินค้า จึงฟ้องแย้งเรียกค่าอุปกรณ์หาย ค่าจ้างที่เสียเพิ่มและค่าขาดรายได้จากโจทก์ ดังนี้เป็นฟ้องแย้งไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม เพราะตามคำฟ้องเดิมมีประเด็นเพียงว่า. จำเลยจะต้องรับผิดชอบกับเช็คที่ออกไปนั้นเพียงใดตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องเช็ค ส่วนฟ้องแย้งเป็นเรื่องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาหรือเนื่องมาจากสัญญาอีกส่วนหนึ่งต่างหาก กรณีไม่เกี่ยวพันกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค ๑๕,๐๐๐ บาท จากจำเลยที่ ๑ผู้สั่งจ่ายและจำเลยที่ ๒ ผู้สลักหลัง โดยอ้างว่าจำเลยจ่ายให้เป็นการชำระหนี้แทนนายแก้วและโจทก์ขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้
จำเลยทั้งสองต่อสู้ว่า นายเอี้ยวเม้ง แซ่คูและจำเลยที่ ๑ได้ตกลงว่าจ้างโจทก์กับนายสุชาติต่อตัวถังรถยนต์บรรทุกเป็นเงิน๒๒,๐๐๐ บาท และตกลงจ่ายสินจ้างเมื่องานเสร็จ ระหว่างสัญญาโจทก์กับนายสุชาติขอรับสินจ้างไปก่อน เมื่อไม่ได้ก็ประวิงการต่อตัวถังรถนายเอี่ยวเม้งและจำเลยที่ ๑ ต้องมอบค่าจ้างให้ส่วนหนึ่ง ๖,๒๗๘บาท และจำเลยที่ ๑ ออกเช็ครายพิพาทให้ไว้เป็นประกันด้วย โดยมีจำเลยที่ ๒ เซ็นชื่อเป็นพยานด้านหลังเช็ค ต่อมาฝ่ายโจทก์ทอดทิ้งงาน ผิดสัญญาจ้าง ฝ่ายจำเลยจึงบอกเลิกสัญญา ขอเช็คประกันและรถคืนแต่โจทก์ไม่ยอมคืน โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องสินจ้างและฟ้องเรียกเงินตามเช็ค ปรากฏว่ารถของจำเลยที่จ้างโจทก์ต่อตัวถังอุปกรณ์ต่าง ๆหายไป ๗ รายการรวมราคา ๑,๔๓๕ บาท จำเลยที่ ๑ ยังต้องนำรถไปจ้างอู่กิจเจริญต่อตัวถัง เป็นเงิน ๑๖,๐๐๐ บาท เสียค่าจ้างเพิ่มขึ้น ๒๗๘ บาท และขาดรายได้จากการเสียเวลาไม่ได้รับจ้างบรรทุกสินค้า ๔,๖๐๐ บาท รวมเป็นเงินที่โจทก์ต้องรับผิด ๖,๓๑๕ บาทจึงฟ้องแย้งขอให้บังคับโจทก์ชำระเงินดังกล่าวแก่จำเลยที่ ๑
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การ ส่วนฟ้องแย้งสั่งไม่รับ โดยเห็นว่าข้อหาตามฟ้องแย้งเป็นเรื่องหนึ่งต่างหากจากคำฟ้องเดิมของโจทก์ไม่เกี่ยวกันทั้งไม่อาจรวมพิจารณาไปกับคำฟ้องเดิมของโจทก์ได้ด้วย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับฟ้องแย้ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามคำฟ้องของโจทก์นั้นเป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คที่จำเลยที่ ๑ เป็นผู้ออกให้ และจำเลยที่ ๒เป็นผู้สลักหลังรับรองเป็นการฟ้องเรียกเงินตามหนี้ที่โจทก์เป็นผู้ทรงตั๋วเงิน ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นการที่จำเลยขอเอาหนี้ที่หาว่าโจทก์ผิดสัญญาจ้างทำของ และทำให้ของที่โจทก์ดูแลไว้นั้นสูญหายไป ขอให้บังคับโจทก์ต้องชดใช้ ประเด็นของข้อฟ้องเดิมดูกันเพียงว่าจำเลยจะต้องรับผิดชอบกับเช็คที่ออกไปนั้นเพียงไรตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องเช็คส่วนเรื่องตามฟ้องแย้งเป็นเรื่องเรียกค่าเสียหายตามสัญญาหรือเนื่องจากสัญญาอีกส่วนหนึ่งต่างหาก กรณีไม่เกี่ยวพันกัน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นไม่รับฟ้องแย้ง ชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share