แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ตั้งทนายดำเนินคดีขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินเป็นโจทก์ จำเลยที่ 1 กลับไปกรอกข้อความเป็นว่าโจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ฟ้อง และทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทนโจทก์ จำเลยที่ 1 ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 แล้วร่วมกับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันด้วยเจตนาฉ้อโกงโจทก์โดยทุจริต เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ขอให้พิพากษาเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมในคดีดังกล่าว ดังนี้กรณีเป็นเรื่องที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวแทนกระทำการโดยปราศจากอำนาจหรือทำนอกเหนือขอบอำนาจ ทำให้โจทก์เสียหายและจำเลยทั้งสี่กระทำการละเมิดสิทธิของโจทก์ โจทก์จึงชอบที่จะว่ากล่าวเอาแก่จำเลยตามกฎหมายดังกล่าว จะมาฟ้องขอให้เพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมซึ่งถึงที่สุดแล้วหาได้ไม่ เพราะโจทก์เป็นคู่ความในคดีเดิมนั้น จึงต้องถูกผูกพันตามคำพิพากษาในคดีดังกล่าว ศาลย่อมพิพากษายกฟ้องคดีใหม่นี้ได้เลย โดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ประสงค์จะดำเนินคดีเพื่อขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่ากรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ จำเลยที่ ๑ รับจะจัดการให้และให้โจทก์ลงชื่อในกระดาษเปล่าอ้างว่าเป็นหนังสือมอบอำนาจให้จำเลยที่ ๑ แต่งตั้งทนายความดำเนินคดี ต่อมาโจทก์จึงทราบว่าถูกจำเลยที่ ๑ หลอกลวงโดยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลยที่ ๒,๓,๔ ปรากฏตามสำเนาคดีแพ่งของศาลชั้นต้นหมายเลขแดงที่ ๔๐/๒๕๑๖ ทำให้โจทก์เสียหายโดยจำเลยที่ ๑ ไม่มีอำนาจเพราะโจทก์ไม่ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ ๑ ไปทำสัญญาประนีประนอมยอมความ การกระทำของจำเลยทั้งสี่เป็นการละเมิดต่อโจทก์สัญญาประนีประนอมยอมความใช่ผูกพันโจทก์ ขอให้พิพากษาเพิกถอนสัญญาประนีประนอมและคำพิพากษาตามยอมในคดีดังกล่าว และมีคำสั่งให้รื้อฟื้นคดีขึ้นพิจารณาใหม่
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องของโจทก์แล้วมีคำสั่งให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นรับคำฟ้องไว้พิจารณาต่อไป
จำเลยที่ ๒,๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อวินิจฉัยในชั้นฎีกามีเพียงว่า โจทก์จะฟ้องขอให้ทำลายคำพิพากษาตามยอมในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๐/๒๕๑๖ ของศาลชั้นต้นและขอให้พิจารณาคดีดังกล่าวใหม่ได้หรือไม่ เห็นว่าคดีนี้เป็นกรณีที่โจทก์อ้างว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้จำเลยที่ ๑ เป็นตัวแทนเพื่อแต่งตั้งทนายความดำเนินคดีขอให้ศาลพิพากษาแสดงว่ากรรมสิทธิ์ที่ดินเป็นของโจทก์ แต่จำเลยที่ ๑ กลับนำเอาลายมือชื่อโจทก์ที่ลงไว้ในกระดาษเปล่าไปกรอกข้อความเป็นว่า โจทก์มอบอำนาจให้จำเลยที่ ๑ ฟ้องคดีแทนและมอบอำนาจให้จำเลยที่ ๑ ทำสัญญาประนีประนอมยอมความแทนโจทก์ได้ ความจริงโจทก์มิได้มอบหมายให้จำเลยที่ ๑ กระทำการเช่นนั้น กรณีเป็นเรื่องที่โจทก์อ้างว่าจำเลยที่ ๑ ซึ่งเป็นตัวแทนกระทำการโดยปราศจากอำนาจหรือทำนอกเหนือขอบอำนาจของการเป็นตัวแทนทำให้โจทก์ซึ่งเป็นตัวการได้รับความเสียหาย จำเลยที่ ๑ ในฐานะตัวแทนจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๑๒ นอกจากนี้โจทก์ยังบรรยายฟ้องต่อไปอีกว่า จำเลยที่ ๑ ได้ร่วมกับจำเลยที่ ๒ ถึงที่ ๔ ทำสัญญาประนีประนอมยอมความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๐/๒๕๑๖ ด้วยเจตนาฉ้อโกงโจทก์โดยทุจริต เป็นการละเมิดสิทธิของโจทก์ ฉะนั้น โจทก์จึงชอบที่จะว่ากล่าวเอากับจำเลยทั้งสี่ตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว โดยที่โจทก์คดีนี้เป็นคู่ความในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ๔๐/๒๕๑๖ ด้วย โจทก์จึงต้องผูกพันตามคำพิพากษาของศาลในคดีดังกล่าวตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๑๔๕ โจทก์จะมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมซึ่งถึงที่สุดแล้วหาได้ไม่ ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาคดีมานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังขึ้น
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์โดยไม่ตัดสิทธิโจทก์ที่จะนำคดีมาฟ้องใหม่