คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10167/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้โจทก์รับเงินที่จำเลยนำมาวางศาลเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาและศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีและยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ให้มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นงดส่งเงินจำนวนดังกล่าวไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หรือหากศาลชั้นต้นได้ส่งเงินไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วก็ให้ส่งเงินจำนวนดังกล่าวคืนแก่ศาลชั้นต้น เพื่อเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลชั้นต้น อันจะทำให้โจทก์มีสิทธิในเงินจำนวนดังกล่าวตาม ป.วิ.พ. มาตรา 264 วรรคหนึ่ง การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างพิจารณา โดยระงับมิให้ส่งเงินจำนวนดังกล่าวไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผลก็คือเงินจำนวนดังกล่าวยังคงอยู่ที่ศาลชั้นต้นมิได้จ่ายไปให้แก่โจทก์ ทั้งหากศาลชั้นต้นส่งเงินจำนวนดังกล่าวแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็จะต้องกันเงินส่วนที่มีข้อโต้แย้งนี้ไว้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 125 กรณีไม่ทำให้กองทรัพย์สินของจำเลยต้องเสียหายจากการที่ศาลชั้นต้นไม่ส่งเงินจำนวนดังกล่าวแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทและเรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การและฟ้องแย้ง และโจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้ง
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น โจทก์ยื่นคำร้องขอให้คุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา โดยให้จำเลยนำเงินมาวางศาล ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้จำเลยนำเงินมาวางศาลเฉพาะค่าเช่าเดือนละ 60,000 บาท นับแต่วันที่ 30 กันยายน 2543 จำนวน 24 เดือน คิดเป็นเงิน 1,440,000 บาท ซึ่งหลังจากศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา จำเลยได้นำเงินจำนวนดังกล่าวมาวางศาลครบถ้วนแล้วเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2545
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่พิพาท ให้จำเลยชำระค่าเสียหายแก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 600,000 บาท นับแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2543 เป็นต้นไปจนกว่าจำเลยจะส่งมอบที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่พิพาท ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนด ค่าทนายความ 50,000 บาท ยกฟ้องแย้งจำเลย สำหรับคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาที่ศาลได้สั่งไว้แล้วนั้น เนื่องจากศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยให้จำเลยใช้ค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนเงินสูงกว่าจำนวนเงินที่ศาลได้มีคำสั่งให้จำเลยนำมาวางต่อศาล ดังนั้น จึงให้คำสั่งดังกล่าวนั้นเป็นอันยกเลิกไปเมื่อศาลได้ออกหมายบังคับคดีตามคำพิพากษา และหากมีการบังคับคดีแก่ทรัพย์สินของจำเลยตามหมายบังคับคดีในระหว่างพิจารณาแล้ว ให้ถือเป็นการบังคับคดีตามหมายบังคับคดีที่ออกใหม่นั้นต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 60,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าเสียหายให้แก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 120,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลแทนโจทก์ตามทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี โดยกำหนดค่าทนายความรวม 80,000 บาท
ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยเด็ดขาดเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2552
ภายหลังศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา โจทก์ยื่นคำแถลงฉบับลงวันที่ 30 กรกฎาคม 2553 ขอรับเงินจำนวน 1,440,000 บาท ที่จำเลยนำมาวางศาล
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า รอให้พ้นกำหนดเวลาในคำบังคับ หากจำเลยไม่นำเงินมาชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้เจ้าหน้าที่จัดทำบัญชีรับจ่าย จ่ายเงินที่จำเลยวางไว้ให้แก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา
ต่อมาโจทก์ยื่นคำแถลงฉบับลงวันที่ 18 พฤศจิกายน 2553 ขอรับเงินจำนวน 1,440,000 บาท ที่จำเลยนำมาวางศาล เนื่องจากพ้นกำหนดเวลาในคำบังคับแล้ว
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เงินที่จำเลยวางไว้เป็นเงินที่วางไว้เพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณา ศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดีโดยศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาภายหลังจากจำเลยล้มละลาย เงินที่จำเลยวางไว้ต่อศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงเป็นทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องเก็บรวบรวมไว้ในกองทรัพย์สินของจำเลย โจทก์ขอรับเงินจำนวนดังกล่าวไม่ได้ ยกคำแถลงขอรับเงิน
โจทก์อุทธรณ์ คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์
โจทก์ยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 22 เมษายน 2554 ต่อศาลอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นงดส่งเงินดังกล่าวไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือหากศาลชั้นต้นได้ส่งเงินไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วก็ให้ส่งเงินดังกล่าวคืนแก่ศาลชั้นต้น
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่า เงินค่าเช่าจำนวน 1,440,000 บาท เป็นทรัพย์สินที่อยู่ระหว่างการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ จึงให้ระงับการส่งเงินจำนวนดังกล่าวไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ หากศาลชั้นต้นส่งเงินแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ก็ให้ศาลชั้นต้นเรียกคืนจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และเก็บรักษาไว้ในระหว่างอุทธรณ์
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่า มีเหตุที่จะกำหนดวิธีการคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์หรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้โจทก์รับเงินจำนวน 1,440,000 บาท ที่จำเลยนำมาวางศาลเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาและศาลฎีกาพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี โจทก์จึงยื่นคำร้องต่อศาลอุทธรณ์ให้มีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นงดส่งเงินจำนวนดังกล่าวไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือหากศาลชั้นต้นได้ส่งเงินไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วก็ให้ส่งเงินจำนวนดังกล่าวคืนแก่ศาลชั้นต้น เพื่อเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในกรณีที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกลับคำสั่งของศาลชั้นต้น อันจะทำให้โจทก์มีสิทธิในเงินจำนวนดังกล่าว กรณีจึงมีเหตุสมควรที่ศาลอุทธรณ์จะมีคำสั่งกำหนดวิธีการเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 วรรคหนึ่ง ที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฎีกาว่า เงินจำนวนดังกล่าวเป็นทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จะต้องรวบรวมไว้ในกองทรัพย์สินของจำเลย โจทก์ไม่มีสิทธิขอรับเงินจำนวนดังกล่าว โจทก์ต้องขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 27 และมาตรา 91 เห็นว่า การที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์ในระหว่างการพิจารณาโดยระงับมิให้ส่งเงินจำนวนดังกล่าวไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผลก็คือเงินจำนวนดังกล่าวยังคงอยู่ที่ศาลชั้นต้น มิได้จ่ายไปให้ แก่โจทก์ ทั้งหากศาลชั้นต้นส่งเงินจำนวนดังกล่าวแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็จะต้องกันเงินส่วนที่มีข้อโต้แย้งนี้ไว้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 125 กรณีไม่ทำให้กองทรัพย์สินของจำเลยต้องเสียหายจากการที่ศาลชั้นต้นไม่ส่งเงินจำนวนดังกล่าวแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ที่ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งกำหนดวิธีการคุ้มครองประโยชน์ของโจทก์โดยให้ระงับการส่งเงินจำนวนดังกล่าวไปยังเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์จึงชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share