คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1014/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ในขณะที่จำเลยทั้งสองกับพวกกำลังช่วยกันค้นหาทรัพย์สินอยู่นั้นผู้ตายเข้ามาภายในบ้านจำเลยทั้งสองกับพวกจึงเข้าไปล็อกคอผู้ตายผู้ตายดิ้นรนต่อสู้และร้องขอความช่วยเหลือจำเลยทั้งสองกับพวกจึงช่วยกันจับผู้ตายมัดและรุมแทงผู้ตายต่อเนื่องจนผู้ตายถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุแม้ผู้ตายจะมีบาดแผลหลายแห่งก็เป็นการส่อแสดงให้เห็นเจตนาว่าต้องการแทงผู้ตายให้ถึงแก่ความตายในทันทีเท่านั้นไม่ใช่เป็นการฆ่าโดยการกระทำทารุณโหดร้าย ลำพังคำให้การชั้นสอบสวนของว. ภริยาผู้ตายและอ.ที่ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่าว.วานให้อ. ไปหาคนมาข่มขู่ผู้ตายและจับผู้ตายมัดเพื่อให้ว. เข้าไปตกลงกับผู้ตายเกี่ยวกับเรื่องในครอบครัวก็ดีคำซัดทอดของจำเลยทั้งสองกับส. ที่ว่าวันเกิดเหตุว. เป็นผู้กดรีโมทคอนโทรลเปิดประตูบ้านผู้ตายให้จำเลยทั้งสองกับพวกเข้าไปก็ดีล้วนแต่เป็นพยานบอกเล่าและคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำผิดมีน้ำหนักน้อยทั้งข้อความตามเทปบันทึกเสียงของผู้ตายก็รับฟังไม่ได้ว่าเป็นคำกล่าวของผู้ถูกทำร้ายก่อนตายพยานหลักฐานโจทก์ไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้รับฟังได้ว่าจำเลยทั้งสองถูกจ้างมาฆ่าผู้ตายจำเลยทั้งสองไม่มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 288, 289, 340,340 ตรี, 371 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ,72, 72 ทวิ กับขอให้ศาลมีคำสั่งริบมีดปลายแหลม 2 เล่ม อาวุธปืน1 กระบอก รีโมทคอนโทรล 1 ตัว ของกลาง สำหรับของกลางนอกจากนี้ให้คืนแก่เจ้าของผู้มีสิทธิ และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนคิดเป็นเงิน 435,000 บาท แก่ทายาทของผู้ตาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4),(5)340 วรรคท้าย, 371 ประกอบมาตรา 83 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91ฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองวางโทษจำคุกคนละ3 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืนติดตัวไปตามทางสาธารณะโดยไม่ได้รับใบอนุญาต วางโทษจำคุกคนละ 3 ปี ฐานพาอาวุธมีดไปตามทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุสมควร วางโทษปรับคนละ 90 บาท ฐานร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย กับฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนและโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้ายเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท แต่เนื่องจากความผิดทั้งสองฐานมีอัตราโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย วางโทษประหารชีวิตจำเลยทั้งสอง จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมและสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบด้วย มาตรา 52(1) ฐานร่วมกันมีอาวุธปืน จำคุกคนละ 2 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืน จำคุกคนละ 2 ปี ฐานพาอาวุธมีดปรับคนละ 60 บาท ฐานร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิต และเมื่อจำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิตในความผิดฐานร่วมกันปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้ว ก็ไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนกับพาอาวุธปืนมารวมได้อีกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91(3) คงจำคุกจำเลยทั้งสองไว้ตลอดชีวิตและปรับคนละ 60 บาทไม่ชำระค่าปรับให้ยึดทรัพย์สินใช้ค่าปรับตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29 ริบมีดปลายแหลม 2 เล่ม อาวุธปืน 1 กระบอก รีโมทคอนโทรล1 ตัว ของกลาง ส่วนของกลางอื่นนอกจากนี้ให้คืนแก่เจ้าของผู้มีสิทธิและให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนคิดเป็นเงิน 435,000 บาท แก่ทายาทของผู้ตาย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่ให้ริบมีดปลายแหลม 2 เล่มอาวุธปืนไม่มีหมายเลขทะเบียนและรีโมทคอนโทรลของกลาง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยกระทำทารุณโหดร้ายหรือไม่ ในปัญหาข้อนี้ได้ความจากคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสองว่า ในขณะที่จำเลยทั้งสองกับพวกกำลังช่วยกันค้นหาทรัพย์สินอยู่นั้นผู้ตายเข้ามาภายในบ้าน จำเลยทั้งสองกับพวกจึงเข้าไปล็อกคอผู้ตายผู้ตายดิ้นรนต่อสู้และร้องขอความช่วยเหลือ จำเลยทั้งสองกับพวกจึงช่วยกันจับผู้ตายมัดและรุมแทงผู้ตายต่อเนื่องกันจนผู้ตายถึงแก่ความตายในที่เกิดเหตุนั่นเอง แม้ผู้ตายจะมีบาดแผลหลายแห่งก็เป็นการส่อแสดงให้เห็นเจตนาได้ว่าต้องการแทงผู้ตายให้ถึงแก่ความตายในทันทีเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการฆ่าโดยการกระทำทารุณโหดร้าย สำหรับปัญหาที่ว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อนหรือไม่นั้น โจทก์ไม่มีพยานบุคคลมาสืบในข้อนี้ลำพังแต่คำให้การชั้นสอบสวนของนางวไลลักษณ์ภริยาของผู้ตายตามเอกสารหมาย จ.47 คำให้การชั้นสอบสวนของนายอนุศักดิ์ตามเอกสารหมาย จ.48 ที่ให้การต่อพนักงานสอบสวนว่า นางวไลลักษณ์ใช้วานให้นายอนุศักดิ์หาบุคคลเข้าไปข่มขู่ผู้ตายและจับผู้ตายมัดเพื่อให้นางวไลลักษณ์เข้าไปตกลงกับผู้ตายเกี่ยวกับเรื่องภายในครอบครัวก็ดี คำซัดทอดของจำเลยทั้งสองและนายสามารถว่าวันเกิดเหตุนางวไลลักษณ์เป็นผู้กดรีโมทคอนโทรลเปิดประตูบ้านของผู้ตายให้จำเลยทั้งสองกับพวกเข้าไปในที่เกิดเหตุก็ดี ล้วนแต่เป็นพยานบอกเล่า และคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำผิดมีน้ำหนักน้อยข้อความตามเทปบันทึกเสียงของผู้ตายตามเอกสารหมาย จ.66 ก็รับฟังไม่ได้ว่าเป็นคำกล่าวของผู้ถูกทำร้ายก่อนตาย พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะรับฟังว่า จำเลยทั้งสองถูกจ้างมาฆ่าผู้ตาย จำเลยทั้งสองไม่มีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน”
พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 8 ทวิ วรรคหนึ่ง,72 วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,340 วรรคท้าย ประกอบด้วยมาตรา 83, 371 สำหรับความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายกับฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิตจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครอง จำคุกคนละ 3 ปีฐานร่วมกันพาอาวุธปืนและอาวุธมีดติดตัวไปตามทางสาธารณะโดยไม่รับอนุญาต เป็นความผิดกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 3 ปี จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 สำหรับความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เมื่อคำนวณลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 52(1)แล้ว คงจำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต ฐานมีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนจำคุกคนละ 2 ปี ฐานร่วมกันพาอาวุธปืน จำคุกคนละ 2 ปี เมื่อจำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิตในความผิดฐานปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้วก็ไม่อาจนำโทษจำคุกในความผิดฐานร่วมกันมีอาวุธปืนและพาอาวุธปืนมารวมได้อีกตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91(3)รวมทุกกระทงคงจำคุกจำเลยทั้งสองตลอดชีวิต ริบมีดปลายแหลม 2 เล่มและอาวุธปืน 1 กระบอกของกลาง ส่วนรีโมทคอนโทรลของกลางฟังไม่ได้ว่าเป็นทรัพย์ที่ใช้ในการกระทำผิดและของกลางนอกจากนี้ให้คืนแก่เจ้าของผู้มีสิทธิและให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน 435,000 บาท แก่ทายาทของผู้ตาย คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก

Share