คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1010/2537

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ราคาของที่นำมาเป็นฐานในการคำนวณภาษีอากรนั้นต้องคิดจากราคาสินค้ารวมกับค่าประกันภัยและค่าระวาง เรียกว่า ราคาซี.ไอ.เอฟ. ที่โจทก์อ้างว่าโต้แย้งเฉพาะค่าขนส่งก็ถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับราคาของ เมื่อโจทก์มิได้แจ้งไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนการส่งมอบของ ว่าจะยื่นคำเรียกร้องขอคืนเงินอากรที่เสียไว้เกินจำนวนที่พึงต้องเสียจริง โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องขอคืนอากรขาเข้ารวมถึงค่าธรรมเนียมพิเศษที่ให้นำกฎหมายว่าด้วยศุลกากรมาใช้บังคับโดยอนุโลมด้วย ส่วนภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลโจทก์มิได้อุทธรณ์การประเมินโจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกคืนภาษีอากรในส่วนนี้เช่นกัน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้นำเข้าสินค้าจากประเทศอังกฤษสินค้าอยู่ในอารักขาของจำเลย โจทก์ได้ยื่นใบขนส่งขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าต่อจำเลย เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยพิจารณาแล้วพอใจราคาสินค้าตามใบอินวอยซ์และค่าประกันภัย แต่สั่งให้โจทก์เพิ่มค่าขนส่งอีก 4,364.16 ปอนด์ คิดเป็นเงินไทย 213,898.39 บาทการเพิ่มค่าขนส่งขึ้นทำให้ค่าภาษีอากรและค่าธรรมเนียมพิเศษที่เพิ่มขึ้นเป็นเงิน 102,899 บาท การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่สั่งให้เพิ่มค่าขนส่งขึ้นนั้นโจทก์ไม่เห็นด้วย แต่โจทก์ต้องจำยอมปฏิบัติตาม เพื่อที่จะได้รับการปล่อยสินค้าโจทก์ออกจากอารักขาของจำเลย ขอให้เพิกถอนการประเมินราคาของเจ้าพนักงานประเมินของจำเลยที่ให้เพิ่มค่าขนส่งขึ้นให้จำเลยคืนเงินจำนวน102,899 บาท ที่ได้เสียไว้เกินนั้นให้แก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 27 มีนาคม 2534 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ
จำเลยให้การว่า เจ้าพนักงานประเมินของจำเลยไม่ได้สั่งให้โจทก์ต้องเพิ่มค่าขนส่งขึ้น แต่เป็นกรณีที่โจทก์ โดยนายสำเริงบัวสีม่วง ผู้รับมอบอำนาจจากโจทก์เป็นผู้เติมข้อความด้วยลายมือในใบขนสินค้าของโจทก์เอง เจ้าหน้าที่ตรวจสอบคำนวณของจำเลยตรวจสอบเห็นว่าถูกต้องตามที่โจทก์สำแดงและโจทก์ได้ชำระค่าภาษีอากรแล้ว เจ้าพนักงานของจำเลยจึงได้ตรวจปล่อยส่งมอบของให้โจทก์รับไป การฟ้องคดีขอคืนเงินภาษีอากร จำนวน 102,899 บาทนี้ โจทก์ไม่ได้ใช้สิทธิเรียกร้องขอคืนจากจำเลยก่อน จำเลยจึงยังไม่มีคำสั่งว่าไม่คืนเงินภาษีอากรให้โจทก์ถือได้ว่าโจทก์ยังไม่ถูกโต้แย้งสิทธิตามกฎหมายแพ่งในส่วนที่เกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีอากรตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 นอกจากนี้คำฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องเกี่ยวกับสิทธิในการเรียกร้องขอคืนเงินอากรเพราะเหตุอันเกี่ยวกับราคาแห่งของใด ๆ เพราะค่าระวางบรรทุกเป็นส่วนหนึ่งของราคาของที่เป็นฐานในการคำนวณภาษี แต่โจทก์มิได้แจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนส่งมอบของว่าจะยื่นคำเรียกร้องดังกล่าว อันเป็นการไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์วิธีการและระยะเวลาตามที่กำหนดไว้ตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469มาตรา 10 วรรคห้า ที่แก้ไขแล้ว โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า “…ปัญหาในชั้นนี้มีเพียงว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังยุติตามคำพิพากษาของศาลภาษีอากรกลางโดยโจทก์มิได้อุทธรณ์โต้เถียงว่า ในการชำระภาษีอากรและค่าธรรมเนียมพิเศษในการนำเข้าสินค้าที่พิพาท โจทก์มิได้แจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนการส่งมอบของว่าจะยื่นคำเรียกร้องขอคืนเงินอากรที่เสียไว้เกินจำนวนที่พึงต้องเสียจริงตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 10 วรรคห้า ที่โจทก์อุทธรณ์ว่ากรณีของโจทก์เป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับค่าระวางขนส่งสินค้าว่าต้องคิดจากค่าระวางขนส่งสินค้าตามความเป็นจริงที่ผู้นำเข้าได้เสียไปจริง หรือว่าคิดจากการคำนวณค่าระวางของเจ้าพนักงานประเมิน มิได้มีปัญหาโต้แย้งในเรื่องชนิด คุณภาพปริมาณ น้ำหนัก หรือราคาแห่งของ หรือเกี่ยวกับอัตราอากรสำหรับของจึงไม่ต้องแจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ว่าจะยื่นคำเรียกร้องขอคืนอากรตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 10 วรรคห้าโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ราคาของที่จะนำมาเป็นฐานในการคำนวณภาษีอากรนั้น ต้องคิดจากราคาสินค้ารวมกับค่าประกันภัยและค่าระวางหรือค่าขนส่งสินค้าซึ่งเรียกว่าราคา ซี.ไอ.เอฟ.ค่าระวางหรือค่าขนส่งสินค้าจึงเป็นส่วนหนึ่งของราคาของ ฉะนั้นแม้โจทก์จะอ้างว่าโต้แย้งเฉพาะในเรื่องค่าขนส่งหรือค่าระวางสินค้า ก็ถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งเกี่ยวกับราคาแห่งของ ตามความหมายในพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 10 วรรคห้า เมื่อโจทก์มิได้แจ้งความไว้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ก่อนการส่งมอบของดังกล่าวข้างต้น โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกร้องขอคืนอากรขาเข้ารวมถึงค่าธรรมเนียมพิเศษที่ให้นำกฎหมายว่าด้วยกรมศุลกากรมาใช้บังคับโดยอนุโลม ตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ เรื่องกำหนดระเบียบการเรียกเก็บและวิธีการชำระค่าธรรมเนียมพิเศษในการนำสินค้าเข้ามาในราชอาณาจักรลงวันที่ 7 มิถุนายน 2533 ส่วนภาษีการค้าและภาษีบำรุงเทศบาลนั้นโจทก์ก็มิได้อุทธรณ์การประเมินต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 30 โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกคืนภาษีอากรในส่วนนี้เช่นเดียวกัน ปัญหานี้เป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จำเลยจะมิได้ยกขึ้นต่อสู้ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ที่โจทก์อุทธรณ์ว่า การที่เจ้าพนักงานประเมินได้มีคำสั่งประเมินภาษีอากรเพิ่มขึ้นจากที่โจทก์สำแดงโดยเพิ่มค่าระวางขนส่งให้สูงขึ้น ถือได้ว่าโดยถูกโต้แย้งสิทธิตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 แล้ว โดยโจทก์ไม่ต้องไปยื่นคำร้องขอคืนภาษีอากรจากจำเลยเพื่อให้จำเลยปฏิเสธก่อน โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่าแม้โจทก์จะถูกโต้แย้งสิทธิ แต่ในกรณีเช่นนี้กฎหมายกำหนดขั้นตอนที่โจทก์จะต้องปฏิบัติก่อนดังที่ได้วินิจฉัยไว้แล้วข้างต้น เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่โจทก์จะต้องปฏิบัติก่อนดังที่ได้วินิจฉัยไว้แล้วข้างต้น เมื่อโจทก์ไม่ปฏิบัติตามขั้นตอนที่กฎหมายกำหนดจึงไม่มีอำนาจฟ้อง อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share