แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
น้องชายจำเลยชกต่อยกับหลานผู้ตายและน้องภริยาผู้ตายผู้ตายเป็นบุคคลภายนอกมิได้ร่วมชกต่อยด้วย ถือท่อนเหล็กเข้าไปตีทำร้ายน้องชายจำเลย จำเลยซึ่งมิได้ร่วมชกต่อยด้วยจึงวิ่งเข้าไปกันมิให้ผู้ตายตีน้องชายจำเลย ผู้ตายเงื้อท่อนเหล็กจะตีจำเลยๆ จึงเสือกมีดแทงไปทันทีถูกผู้ตาย 1 ที ถึงแก่ความตาย ดังนี้การกระทำของจำเลยย่อมเป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่านายอุเทนถึงแก่ความตายโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
นางอำนวยภรรยาผู้ตายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
อัยการและโจทก์ร่วมอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 290 ให้จำคุก 7 ปี
โจทก์ร่วมฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนโดยเจตนา
จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการป้องกันตัว
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “นายเซ้งน้องชายจำเลยมิได้สมัครใจวิวาทกับผู้ตาย เป็นแต่ชกต่อยกับหลานผู้ตายและน้องภรรยาผู้ตายซึ่งต่างใช้มือเปล่าด้วยกัน การที่ผู้ตายซึ่งเป็นบุคคลภายนอกมิได้ร่วมในการวิวาทถือท่อนเหล็กมาทำร้ายนายเซ้ง เป็นการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายนายติ่งจำเลยย่อมมีอำนาจป้องกันภยันตรายที่จะเกิดแก่นายเซ้งน้องชายของตนได้ตามกฎหมาย การที่จำเลยวิ่งเข้าไปกันมิให้นายอุเทนผู้ตายตีนายเซ้ง ก็เป็นการกระทำการเพื่อป้องกันนายเซ้ง มิใช่วิ่งเข้าไปเพราะสมัครใจจะต่อสู้หรือเข้าร่วมในการวิวาท และการที่นายอุเทนผู้ตายเงื้อเหล็กจะตีจำเลยอีกจำเลยเสือกมีดแทงไปเป็นการป้องกันภยันตรายที่จะเกิดแก่ตนจำเลยแทงสวนไปในเวลาปัจจุบันทันที ไม่มีโอกาสเลือกที่หมายเพราะผู้ตายกำลังเงื้อท่อนเหล็กจะตีและแทงทีเดียวด้วยมีดปลายแหลมที่มีอยู่เช่นนี้ เป็นการป้องกันพอสมควรแก่เหตุ จำเลยไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 68 ฯลฯ”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์