แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การจะนับโทษจำคุกจำเลยต่อจากคดีเรื่องอื่นหรือไม่นั้นเป็นดุลพินิจของศาล หากปรากฏว่าจำเลยได้รับโทษในคดีเรื่องอื่นถึงจำคุกตลอดชีวิตอยู่แล้ว โดยปกติเมื่อไม่มีเหตุพิเศษศาลก็ไม่นับโทษต่อให้(ประชุมใหญ่ ครั้งที่9/2505)
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ จับคนเพื่อสินไถ่ มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองไม่รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 309, 310, 313, 83 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 7, 72 ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 42/2503 ของศาลมณฑลทหารบกที่ 4 (ศาลจังหวัดแม่สอด) และริบของกลาง
จำเลยรับสารภาพ และรับว่าเป็นจำเลยคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 42/2503
ศาลจังหวัดแม่สอดพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง จำคุก 10 ปีนับแต่วันต้องขังในคดีนี้ริบของกลาง คำขอโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 42/2503
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่นับโทษต่อชอบแล้ว พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาคำขอให้นับโทษต่อจากคดีก่อน
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่แล้ว เห็นว่าการจะให้นับโทษจำเลยตั้งต้นแต่เมื่อใด เป็นดุลพินิจของศาล การจะให้นับโทษต่อจากคดีเรื่องอื่นหรือไม่ จึงอยู่ในดุลพินิจของศาลเช่นเดียวกัน เมื่อปรากฏว่าในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 42/2503 ของศาลมณฑลทหารบกที่ 4 (ศาลจังหวัดแม่สอด) จำเลยได้รับโทษจำคุกถึงตลอดชีวิตอยู่แล้ว โดยปกติเมื่อไม่มีเหตุพิเศษศาลก็ไม่นับโทษคดีนี้ต่อจากคดีเรื่องก่อน ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษจำเลยในคดีนี้ต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 42/2503 จึงชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์