คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10082/2558

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ว่าขณะ ส. เสียชีวิต ส. ไม่ได้อยู่ในเรือโดยสารหรือขณะกำลังขึ้นหรือลงเรือโดยสารโดยตรงเสียทีเดียว แต่เป็นการเสียชีวิตขณะที่ ส. นำเรือโดยสารไปเก็บหลังจากส่งผู้โดยสารเรียบร้อยจึงอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานประจำเรือ ซึ่งกรมธรรม์ประกันภัยได้ขยายความคุ้มครองพนักงานประจำเรือ กรณีประสบอุบัติเหตุดังกล่าวด้วย ตามตารางกรมธรรม์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยชดใช้เงินจำนวน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ทั้งสอง
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ภาค 4 โจทก์ที่ 2 ถึงแก่ความตาย นางสาวดาริน ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ที่ 2 ผู้มรณะ
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งอนุญาต
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 50,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 10 พฤษภาคม 2549) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ทั้งสอง โดยกำหนดค่าทนายความรวม 4,000 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจวินิจฉัยว่า คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันไม่เกินห้าหมื่นบาท ต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง จึงต้องรับฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นรับฟังมา ซึ่งศาลชั้นต้นรับฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ที่ 1 เป็นบุตรผู้เยาว์ของนายสมพร กับนางหนูลม โจทก์ที่ 2 เป็นเจ้าของเรือโดยสารรับจ้างชื่อเรือดารินนาวา นายสมพรเป็นพนักงานประจำเรือดังกล่าว มีหน้าที่ขับเรือและดูแลเรือ โจทก์ที่ 2 ทำสัญญาประกันภัยไว้ต่อจำเลย ตามกรมธรรม์ประกันภัยมีข้อตกลงคุ้มครองความสูญเสียหรือความเสียหายอันเกิดจากความบาดเจ็บทางร่างกายของผู้ได้รับความคุ้มครองโดยอุบัติเหตุอันเนื่องจากการใช้บริการเรือโดยสารรับจ้าง และผู้ที่กำลังขึ้นหรือลงเรือโดยสารรับจ้างที่ระบุไว้ในตารางกรมธรรม์ มีข้อยกเว้นตามข้อ 2 ค. ว่าการประกันภัยไม่คุ้มครองความสูญเสียหรือความเสียหายใดๆ ที่เกิดขึ้นในขณะที่บุคคลใด ๆ ที่อยู่บนท่าเทียบเรือ เว้นแต่ผู้โดยสารเรือที่กำลังขึ้นหรือลงเรือโดยสารรับจ้างที่ระบุในตารางกรมธรรม์ ซึ่งตามตารางกรมธรรม์ระบุว่าผู้ได้รับความคุ้มครองคือผู้โดยสาร 15 คน กรณีเสียชีวิต 50,000 บาท ต่อคน และมีการตกลงขยายความคุ้มครองพนักงานประจำเรือที่มีหน้าที่ทำการประจำเรือ 2 คน ให้ความคุ้มครองกรณีพนักงานประจำเรือประสบอุบัติเหตุและเสียชีวิต 50,000 บาทต่อคน ตามตารางกรมธรรม์ ระหว่างที่อยู่ในระยะเวลาประกันภัย แต่เป็นเวลาที่เรือดังกล่าวเสร็จสิ้นการรับส่งผู้โดยสารแล้ว ขณะนายสมพรแก้เชือกที่ผูกเรือกับเสาเพื่อนำเรือออกจากท่าเรือไปเก็บยังสถานที่เก็บซึ่งอยู่ใกล้เคียงกันแต่เชือกหลุดมือ เรือจึงลอยออกจากท่าเรือ นายสมพรจึงกระโดดลงไปในน้ำแล้วว่ายน้ำตามเรือไปแต่ไม่ทันจึงจมน้ำเสียชีวิต ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าการเสียชีวิตของนายสมพรไม่ได้เกิดขึ้นขณะนายสมพรอยู่ในเรือโดยสารหรือขณะนายสมพรกำลังขึ้นหรือลงจากเรือ จึงไม่อาจอยู่ในความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัย พิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสอง ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยว่า กรมธรรม์ประกันภัยให้ความคุ้มครองพนักงานประจำเรือประสบอุบัติเหตุ เป็นการคุ้มครองตลอดระยะเวลาการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานประจำเรือตั้งแต่การนำเรือไปรับผู้โดยสารและการนำเรือไปเก็บหลังจากส่งผู้โดยสารเรียบร้อยแล้ว จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ 1 ผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันภัย
มีปัญหาข้อกฎหมายวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยต้องรับผิดต่อโจทก์ที่ 1 หรือไม่ ที่จำเลยฎีกาว่า ขณะนายสมพรเสียชีวิตไม่ได้เกิดขึ้นขณะนายสมพรอยู่ในเรือโดยสารหรือขณะนายสมพรกำลังขึ้นหรือลงเรือโดยสาร จึงไม่อยู่ในความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัยนั้น เห็นว่า ตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นรับฟังมาดังกล่าว แม้ว่าขณะนายสมพรเสียชีวิต นายสมพรไม่ได้อยู่ในเรือโดยสารหรือขณะกำลังขึ้นหรือลงเรือโดยสารโดยตรงเสียทีเดียว แต่เป็นการเสียชีวิตขณะที่นายสมพรนำเรือโดยสารไปเก็บหลังจากส่งผู้โดยสารเรียบร้อยแล้ว จึงอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของพนักงานประจำเรือ ซึ่งกรมธรรม์ประกันภัยได้ขยายความคุ้มครองพนักงานประจำเรือกรณีประสบอุบัติเหตุดังกล่าวด้วยตามตารางกรมธรรม์ แผ่นที่ 2 ข้อ 3 ดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 วินิจฉัยมา ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษาให้จำเลยรับผิดต่อโจทก์ที่ 1 ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share