แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ไปร่วมทำการลักทรัพย์กับเขา ได้ทรัพย์มาแล้วถูกตำรวจจับได้ พวก 2 คนได้พูดให้สินบลแก่ตำรวจโดยลำพัง แล้วพวก 2 คนพากันไปเอาของกลางไปขายได้เงินให้ตำรวจไป แม้ผู้นั้นจะอยู่รู้เห็นด้วยในการที่พวกเอาของกลางไปขายแล้วเอาเงินให้ตำรวจ ก็ยังถือไม่ได้ว่าผู้นั้นได้ร่วมมือในการให้สินบลแก่เจ้าพนักงาน
ย่อยาว
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑-๒-๓ ตามก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๔ ประกอบด้วย พ.ร.บ.คุ้มครองสิ่งที่ใช้เพื่อสาธารณะประโยชน์ในภาวะคับขัน ๒๔๘๖ มาตรา ๓ กะทงหนึ่งและตามฐานให้สินบลเจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๓๘, ๑๒๖ อีกกะทงหนึ่ง ลงโทษจำเลยที่ ๕-๖ ฐานเป็นเจ้าพนักงานรับสินบลตามมาตรา ๑๓๘, ๑๒๖ ลงโทษจำเลยที่ ๔ ฐานรับของโจรตามมาตรา ๓๒๑
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ปล่อยจำเลยที่ ๔ และจำเลยที่ ๓ ไม่ผิดฐานให้สินบลตามมาตรา ๑๓๘, ๑๒๖
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๓ และที่ ๔ แต่ส่งสำเนาฎีกาแก่จำเลยที่ ๔ ไม่ได้ จึงจำหน่ายคดีสำหรับตัวจำเลยที่ ๔
ศาลฎีกาเห็นว่าข้อเท็จจริงตอนนี้มีว่า เมื่อจำเลยที่ ๑-๒-๓ สมคบกันลักลวดมาแล้ว จะนำมาขึ้นรถยนตร์ของกรมไปรษณีย์โทรเลข ซึ่งพวกจำเลยนำไปใช้ในการนี้จำเลยที่ ๕-๖ ซึ่งเป็นตำรวจก็มาแสดงตนทำการจับกุมจำเลยทั้งนั้นพร้อมด้วยลวดของกลาง ก็ขึ้นรถยนตร์มาด้วยกันมาระหว่างทาง จำเลยที่ ๑-๒ เป็นคนพูดขอให้สินบลแก่จำเลยที่ ๕-๖ ส่วนจำเลยที่ ๓ ไม่ได้พูดอะไรด้วย จำเลยที่ ๕-๖ ยอมให้พวกจำเลยนำลวดของกลางเอาไปขาย จำเลยที่ ๑-๒ ก็เป็นคนไปขาย และมอบเงินให้แก่จำเลยที่ ๕ ดังนี้ แม้จะได้ความว่า จำเลยที่ ๓ได้ไปร่วมด้วยในการลักทรัพย์ ก็ยังไม่มีทางที่จะชี้ได้ว่าจำเลยที่ ๓ ได้ร่วมใจด้วยในการพูดขอให้สินบลแก่เจ้าพนักงาน การที่จำเลยที่ ๓ ได้อยู่รู้เห็นด้วยในการที่จำเลยที่ ๑-๒ ขายลวดและส่งมอบเงินให้เจ้าพนักงานนั้น แม้จำเลยที่ ๓ จะพอใจในการกระทำของจำเลยที่ ๑-๒ ก็ยังจะถือว่าจำเลยที่ ๓ ได้ร่วมมือในการให้สินบลแก่เจ้าพนักงานนั้นยังไม่ได้ ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้นให้ยกเสีย