คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 10071/2555

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

น. ให้การต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมในทันทีที่ถูกจับว่าสั่งซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย จึงเป็นการยากที่ น.จะปรุงแต่งเรื่องขึ้นมาเองเพื่อปรักปรำกลั่นแกล้งจำเลย กับได้ความจากพันตำรวจโท ส. พนักงานสอบสวนว่า ชั้นสอบสวน น. ให้การรับสารภาพ โดยให้การว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจากจำเลยและเคยซื้อมาหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายได้โอนเงิน 5,000 บาท เข้าบัญชีของจำเลยเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2549 อันตรงกับที่ น. เคยให้ปากคำต่อผู้จับกุม แม้จะถือได้ว่าเป็นคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน แต่คำซัดทอดดังกล่าวมิได้เป็นเรื่องปัดความผิดของ น. ผู้ซัดทอดให้เป็นความผิดของจำเลยแต่ผู้เดียวคงเป็นการแจ้งเรื่องราวถึงเหตุการณ์ที่ น. ได้ประสบมาจากการกระทำความผิดของตนยิ่งกว่าเป็นการปรักปรำกลั่นแกล้งจำเลย คำซัดทอดของ น. เช่นนี้ประกอบไปด้วยเหตุผลและรับฟังเป็นความจริงได้ จึงเป็นพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือในการพิสูจน์ความจริง เมื่อรับฟังคำเบิกความพยานโจทก์ทั้งผู้จับกุมและพนักงานสอบสวน ประกอบคำซัดทอดของ น. และหลักฐานที่ น. โอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยดังกล่าวแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่ น. จริง แม้จำเลยเป็นผู้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่ น. มิใช่เป็นการร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับ น. อันแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ศาลก็ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำความผิดเฉพาะตัวของจำเลยก่อนการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่ น. ได้ เพราะข้อแตกต่างนั้นมิใช่ในข้อสาระสำคัญและทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 192 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม (2) (ที่ถูก มาตรา 15 วรรคสาม (2)), 66 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 จำคุก 8 ปี และปรับ 400,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ในกรณีกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้มีกำหนด 1 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คงมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยร่วมกับ นายนฤชาติ มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายตามฟ้องหรือไม่ ได้ความจากร้อยตำรวจเอกนิกร จ่าสิบตำรวจบุญช่วยและดาบตำรวจประชันผู้ร่วมจับกุมว่า หลังจากนายนฤชาติไปขอรับกล่องใส่โทรศัพท์เคลื่อนที่ซึ่งซุกซ่อนเมทแอมเฟตามีนจากนายวิชา พยานทั้งสามจับกุมนายนฤชาติ ซึ่งนายนฤชาติให้การว่านายนฤชาติสั่งซื้อเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวจากจำเลยและซื้อมาหลายครั้งแล้ว โดยนายนฤชาติจะโอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยที่ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) สาขาฝาง แล้วจำเลยจะฝากเมทแอมเฟตามีนมากับรถโดยสาร ตามบันทึกการจับกุม เห็นว่า นายนฤชาติให้การต่อเจ้าพนักงานตำรวจผู้จับกุมในทันทีที่ถูกจับจึงเป็นการยากที่นายนฤชาติจะปรุงแต่งเรื่องขึ้นมาเองเพื่อปรักปรำกลั่นแกล้งจำเลย กับได้ความจากพันตำรวจโทสมบัติ พนักงานสอบสวนว่า ชั้นสอบสวนนายนฤชาติให้การรับสารภาพ โดยให้การว่าซื้อเมทแอมเฟตามีนมาจากจำเลยและเคยซื้อมาหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายได้โอนเงิน 5,000 บาท เข้าบัญชีของจำเลยเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2549 ตามบันทึกคำให้การ อันตรงกับที่นายนฤชาติ เคยให้ปากคำต่อผู้จับกุม แม้จะถือได้ว่าเป็นคำซัดทอดของผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน แต่คำซัดทอดดังกล่าวมิได้เป็นเรื่องปัดความผิดของนายนฤชาติผู้ซัดทอดให้เป็นความผิดของจำเลยแต่ผู้เดียว คงเป็นการแจ้งเรื่องราวถึงเหตุการณ์ที่นายนฤชาติได้ประสบมาจากการกระทำความผิดของตนยิ่งกว่าเป็นการปรักปรำกลั่นแกล้งจำเลย ทั้งนายนฤชาติยังชี้ยืนยันภาพถ่ายของจำเลยว่าเป็นผู้ที่ติดต่อซื้อขายเมทแอมเฟตามีนกันตามที่ปรากฏในข้อมูลส่วนบุคคลขณะขอมีบัตรประจำตัวประชาชน กับมีหลักฐานซึ่งนายนฤชาติโอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายจำนวน 5,000 บาท เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2549 ตามสำเนาบัญชีเงินฝากเป็นพยานสนับสนุนซึ่งแสดงถึงความสัมพันธ์ระหว่างนายนฤชาติกับจำเลยว่ามีอยู่จริง สอดคล้องกสับที่นายนฤชาติให้การทั้งต่อผู้จับกุมและพนักงานสอบสวน คำซัดทอดของนายนฤชาติเช่นนี้ประกอบไปด้วยเหตุผลและรับฟังเป็นความจริงได้ จึงเป็นพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือในการพิสูจน์ความจริง ที่จำเลยนำสืบโดยจำเลยและนายนฤชาติเบิกความว่า จำเลยกับนายนฤชาติไม่เคยรู้จักกัน ส่วนเงินที่นายนฤชาติโอนเข้าบัญชีของจำเลยเป็นเงินหนี้พนันฟุตบอลนั้น นายนฤชาติมิได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนถึงเรื่องดังกล่าว หากแต่กลับให้การว่าได้โอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยเพื่อชำระค่าเมทแอมเฟตามีน สำหรับจำเลยแม้ให้การในชั้นสอบสวนตามบันทึกคำให้การว่า จำเลยเล่นพนันฟุตบอลแล้วมีการโอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยโดยไม่ทราบว่าใครเป็นผู้โอน ก็เป็นข้อที่ง่ายแก่การกล่าวอ้างและไม่มีหลักฐานใดสนับสนุน ทั้งหากนายนฤชาติและจำเลยต่างเป็นลูกค้าที่เล่นพนันฟุตบอล โดยจำเลยมิใช่เจ้ามือรับกินรับใช้ ย่อมไม่มีเหตุผลใดที่ลูกค้าผู้เล่นพนันด้วยกันจะโอนเงินระหว่างลูกค้าด้วยกันเอง นอกจากนี้นายนฤชาติฝ่ายเดียวเท่านั้นที่โอนเงินให้แก่จำเลย โดยที่จำเลยไม่เคยโอนให้แก่นายนฤชาติเลยเช่นนี้ ข้ออ้างของจำเลยจึงไม่มีน้ำหนักในการรับฟัง เมื่อรับฟังคำเบิกความพยานโจทก์ทั้งผู้จับกุมและพนักงานสอบสวน ประกอบคำซัดทอดของนายนฤชาติและหลักฐานที่นายนฤชาติโอนเงินเข้าบัญชีของจำเลยดังกล่าวแล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่นายนฤชาติจริง แม้จำเลยเป็นผู้จำหน่ายเมทแอมเฟตามีนให้แก่นายนฤชาติมิใช่เป็นการร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายกับนายนฤชาติ อันแตกต่างกับข้อเท็จจริงดังที่กล่าวในฟ้อง ศาลก็ลงโทษจำเลยในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย อันเป็นการกระทำความผิดเฉพาะตัวของจำเลยก่อนการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่นายนฤชาติได้ เพราะข้อแตกต่างนั้นมิใช่ในข้อสาระสำคัญและทั้งจำเลยมิได้หลงต่อสู้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 192 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 5 พิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษากลับว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง จำคุก 8 ปี และปรับ400,000 บาท ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 ในกรณีกักขังแทนค่าปรับให้กักขังเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี คำขออื่นให้ยก

Share