คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1006/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าของรถยนต์ที่ถูกรถจำเลยชน ได้เอารถประกันภัยไว้กับบริษัทโจทก์ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อรับประกันวินาศภัย บริษัทโจทก์ได้เอารถยนต์ที่ถูกรถจำเลยชนเสียหายไปให้อู่ซ่อมเสร็จ และมอบรถให้เจ้าของรับไปเรียบร้อยแล้ว บริษัทโจทก์ก็ต้องมีความผูกพันที่จะต้องใช้ราคาค่าซ่อมให้แก่อู่ผู้ทำการซ่อมตามจำนวนเงินที่ตกลงกันไว้ เช่นนี้ นับว่าบริษัท โจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปแล้วตามจำนวนเงินราคาค่าจ้างที่ได้ตกลงไว้กับอู่ผู้ทำการซ่อม บริษัทโจทก์ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าของรถที่ถูกชนซึ่งมีต่อจำเลย บริษัทโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเสียหายจากจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 880 วรรค 1

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า บริษัทโจทก์มีวัตถุประสงค์เพื่อรับประกันวินาศภัยจำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างและขับรถยนต์ไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ ชนรถยนต์ของนายโกชัย ซึ่งได้เอาประกันภัยไว้กับบริษัทโจทก์ ได้รับความเสียหาย โจทก์จำเป็นต้องซ่อมรถยนต์ของนายโกชัยจนเรียบร้อยสิ้นเงินค่าซ่อมไป ๘,๘๐๕ บาท โจทก์ได้ทวงถามเงินค่าซ่อมดังกล่าวจากจำเลย ๆ เพิกเฉย จึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยที่ ๒ ต่อสู้ข้อสำคัญว่า จำเลยที่ ๑ มิได้ขับรถไปในทางการที่จ้าง โจทก์จะได้ซ่อมแซมเสียเงินไปจริงตามฟ้อง หรือไม่ จำเลยไม่ทราบ ค่าเสียหายจำเลยที่ ๒ จะต้องรับผิดก็ไม่เกิน ๕๐๐ บาท
โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ ๒ เพราะส่งหมายเรียกและสำเนาฟ้องไม่ได้
ศาลแพ่งเห็นว่า ควรวินิจฉัยประเด็นสำคัญเสียก่อนว่าโจทก์ชำระค่าซ่อมรถยนต์ของนายโกชัยให้แก่ ผู้รับจ้างซ่อมหรือยัง แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ยังมิได้ชำระค่าซ่อมรถยนต์ของนายโกชัยให้ผู้รับจ้างซ่อมหรือยัง แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ชำระค่าซ่อมรถยนต์ของนายโกชัยให้แก่ผู้รับซ่อมหรือยัง แล้ววินิจฉัยว่าโจทก์ยังมิได้ชำระค่าซ่อมรถให้ผู้รับจ้างซ่อม โจทก์จึงยังไม่ได้เข้ารับช่วงสิทธิของนายโกชัยผู้เอาประกั้นในอันที่จะเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน จากจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๘๘๐ วรรคต้น โจทก์ยังไม่มีอำนาจฟ้อง ไม่จำเป็นต้องวินิจฉัย ประเด็นอื่น พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การที่บริษัทโจทก์ในฐานะผู้รับประกันภัยได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้เอาประกันภัยแล้ว โดยการซ่อมรถให้คืนสภาพเดิม ซึ่งคำนวณเป็นราคาเท่าใด โจทก์ก็ย่อมเข้ารับช่วงสิทธิของผู้เอาประกันภัย ซึ่งมีต่อจำเลยตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๘๘๐ วรรคต้น โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องและโดยที่ศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัยถึงประเด็นสำคัญอื่นๆ อีกหลายประเด็น จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ตามกระบวนความ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์ได้เอารถยนต์ที่ถูกรถจำเลยชนเสียหายไปให้อู่ซ่อมเสร็จแล้วและมอบให้นายโกชัยเจ้าของรถไปเรียบร้อยแล้ว จะเรียกได้หรือยังว่าได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๘๘๐ วรรคต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า ความเสียหายที่นายโกชัยเจ้าของรถยนต์ได้รับก็คือว่า รถยนต์ของตนบุปสลายเสียหาย เพราะถูกรถจำเลยชน เมื่อโจทก์ได้สั่งให้อู่บริษัทกรรณสูตรจัดการซ่อมและอู่จัดการซ่อมเสร็จเรียบร้อยจนกระทั่งส่งมอบ่ให้นายโกชัยเจ้าของรับไปเรียบร้อยแล้ว ดังนี้ โจทก์ก็ต้องมีความผูกพันที่จะต้องใช้ราคาค่าซ่อมให้แก่บริษัทกรรณสูตรตามจำนวนเงินที่ตกลงวันไว้ นับว่าโจทก์ได้ใช้ค่าสินไหมทดแทนไปแล้ว ตามจำนวนราคาค่าจ้างที่ได้ตกลง ไว้กับบริษัทกรรณสูตรทำการซ่อม โจทก์เข้ารับช่วงสิทธิของนายโกชัยซึ่งมีต่อจำเลย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
พิพากษายืน

Share