คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 761/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเอาห้องแถวซึ่งผู้ร้องเป็นเจ้าของร่วมอยู่ด้วย ไปจำนองกับโจทก์ไว้ โดยผู้ร้องรู้เห็นยินยอมด้วย การจำนองรายนี้จึงมีผลพูกพันทรัพย์ที่ยึดซึ่งเป็นส่วนของผู้ร้องด้วย

ย่อยาว

คดีได้ความว่า โจทก์ฟ้องจำเลยขอให้ชำระหนี้ตามสัญญาจำนอง ศาลได้พิพากษาตามยอมให้จำเลยชำระหนี้แก่โจทก์ จำเลยไม่ชำระ โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินและห้องแถว ๔ ห้องตามสัญญาจำนองเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้
ผู้ร้องยื่นคำร้องขัดทรัพย์ว่า ที่ดินที่ยึดเป็นของจำเลย แต่ห้องแถว ๔ ห้องเป็นของผู้ร้อง ขอให้ศาลสั่งถอนการยึด
ศาลชั้นต้นฟังข้อเท็จจริงว่าห้องแถวที่ยึดเป็นของจำเลย ให้ยกคำร้องขัดทรัพย์
ผู้ร้องขัดทรัพย์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
่ผู้ร้องขัดทรัพย์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ผู้ร้องกับจำเลยอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยา โดยมีอาชีพในทางค้าขายร่วมกันมาประมาณ ๗ – ๘ ปี ผู้ร้องจึงปลูกห้องแถวพิพาทขึ้น เมื่อจำเลยเอาห้องพิพาทไปจำนอง ผู้ร้องก็รู้และให้ความยินยอม จึงเป็นเรื่องเจ้าของรวมคนหนึ่งยินยอมให้เจ้าของรวมอีกคนหนึ่งจำหน่ายทรัพย์นั้นได้ กรณีเข้าประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๖๑ ฉะนั้น การจำนองรายนี้จึงมีผลพูกพันทรัพย์ที่ยึดซึ่งเป็นส่วนของผู้ร้องด้วย
พิพากษายืน ยกฎีกาผู้ร้อง

Share