คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1005/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินมี น.ส.3 ผู้เป็นเจ้าของมีแต่เพียงสิทธิครอบครอง จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของเรือนและยุ้งข้าวที่ปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าว จึงมีแต่สิทธิครอบครองเช่นเดียวกันเมื่อผู้ร้องซื้อเรือนและยุ้งข้าวจากจำเลยโดยชำระราคาและรับมอบการครอบครองแล้ว ย่อมเป็นการแสดงเจตนาสละการครอบครองของจำเลย แม้การซื้อขายไม่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะก็ตาม การครอบครองของจำเลยก็สิ้นสุดลง เรือนและยุ้งข้าวดังกล่าวจึงเป็นของผู้ร้อง โจทก์ไม่มีสิทธิยึดเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดเรือนและยุ้งข้าวอ้างว่าเป็นของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้ตามคำพิพากษาให้โจทก์ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เรือนและยุ้งข้าวดังกล่าวผู้ร้องได้ซื้อไว้จากจำเลย โดยผู้ร้องชำระราคาและรับมอบการครอบครองเสร็จแล้วตั้งแต่วันซื้อขาย ขอให้ปล่อยทรัพย์ที่ยึด

โจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การ

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ปล่อยเรือนและยุ้งข้าวที่พิพาท

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า การซื้อขายเรือนและยุ้งข้าวเป็นการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ เมื่อไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงเป็นโมฆะกรรมสิทธิ์ในเรือนและยุ้งข้าวยังเป็นของจำเลย พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้อง

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เรือนและยุ้งข้าวรายพิพาทปลูกอยู่บนที่ดินมี น.ส.3ที่ดินดังกล่าวผู้เป็นเจ้าของมีแต่เพียงสิทธิครอบครอง ดังนั้น จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของเรือนและยุ้งข้าวที่ปลูกอยู่บนที่ดินนั้นจึงมิได้แต่เพียงสิทธิครอบครองเช่นเดียวกัน เมื่อจำเลยขายเรือนและยุ้งข้าวให้ผู้ร้อง ผู้ร้องชำระราคาและรับมอบเข้าครอบครองแล้ว เป็นการแสดงเจตนาสละการครอบครองของจำเลย แม้การซื้อขายไม่จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นโมฆะก็ตาม แต่เมื่อจำเลยสละและโอนการครอบครองให้ผู้ร้องแล้ว การครอบครองของจำเลยย่อมสิ้นสุดลง เรือนและยุ้งข้าวรายพิพาทเป็นของผู้ร้อง โจทก์ไม่มีสิทธิยึดเพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ได้

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share