คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1003/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เหรัญญิกเหล่ากาชาดจังหวัดยักยอกเงิน ศาลพิพากษาลงโทษนายกเหล่ากาชาดไม่ควบคุมให้ลงบัญชีรับจ่ายเงินโดยถูกต้องตามระเบียบและเปิดบัญชีฝากเงินสั่งจ่ายเอง ผิดระเบียบที่ต้องลงชื่อผู้สั่งจ่ายร่วมกับผู้อื่น ไม่มีหลักฐานการใช้เงินที่สั่งจ่ายในกิจการของเหล่ากาชาด เงินขาดบัญชีไปเป็นจำนวนมาก เป็นการประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่ต้องรับผิดร่วมกับเหรัญญิกที่ยักยอกเงินไป

ย่อยาว

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นนายกเหล่ากาชาดกับเหรัญญิกใช้เงิน 442,180.91 บาทแก่โจทก์กับดอกเบี้ยจำเลยที่ 1 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ปัญหาว่าจำเลยที่ 1 ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 1 เป็นนายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง มีหน้าที่ดูแลกิจการทั่วไปของเหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง และมีหน้าที่ควบคุมดูแลการรับจ่ายเงินของเหล่ากาชาดจังหวัดลำปางให้เป็นไปตามระเบียบของสภากาชาดไทยโจทก์ ซึ่งได้กำหนดระเบียบการปฏิบัติไว้ตามเอกสารหมาย จ.61 ในข้อ 8 ว่า “บรรดาจำนวนเงินที่ได้รับ ฯลฯ ต้องนำเงินลงบัญชีรับทุกรายการและเมื่อจ่ายก็ให้ลงบัญชีเช่นเดียวกัน” ปรากฏว่าตั้งแต่ปี พ.ศ. 2509 เป็นต้นมาจนถึงปี พ.ศ. 2515 บางปีเงินขาดบัญชี บางปีเงินเกินบัญชี เมื่อหักกลบกันแล้วเงินขาดบัญชีไป 442,180 บาท 91 สตางค์ รายละเอียดปรากฏตามเอกสาร จ.2 เหตุที่เป็นดังนี้ก็เพราะได้มีการถอนเงินฝากเงินแล้วไม่ลงบัญชีหรือลงไม่ครบแสดงว่าจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อ ไม่ควบคุมดูแลการรับจ่ายเงินของเหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง และไม่ควบคุมดูแลให้มีการลงบัญชีรับจ่ายเงินให้ถูกต้องตามระเบียบของสภากาชาดไทยโจทก์ที่ได้กำหนดไว้ดังกล่าวข้างต้น เงินของเหล่ากาชาดจังหวัดลำปางซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของจำเลยที่ 1 จึงได้ขาดหายไปจากบัญชีเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ระเบียบการปฏิบัติสำหรับเหล่ากาชาดจังหวัดดังกล่าวในข้อ 5 ยังได้กำหนดไว้ว่า การสั่งจ่ายเงินจากธนาคาร ให้นายกเหล่ากาชาดจังหวัด เหรัญญิกและเลขานุการเป็นผู้สั่งจ่ายและการสั่งจ่ายเงินจากธนาคารต้องมีลายมือชื่อบุคคล 2 คนใน 3 ตำแหน่งดังกล่าวจึงใช้ได้ และประทับตราเหล่ากาชาดจังหวัดไว้เป็นสำคัญ แต่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้เปิดบัญชีฝากเงินของเหล่ากาชาดจังหวัดลำปางไว้หลายบัญชีบางบัญชีจำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวเป็นผู้สั่งจ่ายเงินจากธนาคารได้ และปรากฏว่าจำเลยที่ 1 แต่ผู้เดียวได้สั่งจ่ายเงินจากธนาคารไปหลายครั้ง อันเป็นการผิดระเบียบการปฏิบัติของสภากาชาดไทยโจทก์ที่ได้กำหนดไว้อย่างชัดแจ้งทั้งได้ความจากคำเบิกความของร้อยเอกกำพล อตุยศักดิ์พนักงานตรวจสอบบัญชีของโจทก์ว่าเงินที่สั่งจ่ายไปจากธนาคารโดยผิดระเบียบนี้ไม่ได้นำไปใช้ในกิจการของเหล่ากาชาดจังหวัด เพราะไม่มีหลักฐานการจ่ายและจำเลยที่ 1 ก็ไม่มีใบสำคัญคู่จ่ายมาแสดงให้เห็นว่าได้มีการจ่ายไปเพื่อวัตถุประสงค์ของสภากาชาดไทยอย่างไร ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าไม่รู้เรื่องดังกล่าวเลยเพราะจำเลยที่ 2 นำแบบพิมพ์ของธนาคารมาให้ลงชื่อแล้วนำไปจัดการเองโดยตลอดนั้น แม้ความจริงจะเป็นดังที่จำเลยที่ 1 ฎีกา ก็เห็นได้ว่าจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อไม่ควบคุมดูแลการปฏิบัติของจำเลยที่ 2 ซึ่งจำเลยที่ 1 มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ อันเป็นเหตุให้เงินของโจทก์ขาดหายไปเป็นจำนวนถึง 442,180 บาท91 สตางค์ ดังกล่าวข้างต้น เมื่อความเสียหายที่โจทก์ได้รับเกิดขึ้นเพราะจำเลยที่ 1ประมาทเลินเล่อในการปฏิบัติหน้าที่ จำเลยที่ 1 ก็ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2ดังที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยไว้ชอบแล้ว”

พิพากษายืน

Share