คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1002/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเช่าห้องพิพาทภายหลังที่ห้องพิพาทถูกยึดในการบังคับคดีในคดีก่อนจากลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนั้น แม้โจทก์รับโอนห้องพิพาทจากผู้ซื้อในการบังคับคดีภายหลังที่จำเลยได้เช่าห้องพิพาทแล้วดังนี้ ห้องพิพาทได้ถูกยึดและขายโดยไม่มีการเช่าติดไปด้วย จำเลยไม่สามารถอ้างการเช่าขึ้นยันโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ขายห้องพิพาทได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305 เพราะการเช่าของจำเลยเป็นสิทธิที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ก่อให้เกิดขึ้นในทรัพย์สินภายหลังที่ถูกยึดแล้ว ผู้ซื้อและรับโอนต่อไปจึงได้ทรัพย์สินที่ซื้อไปโดยปลอดจากการเช่าจำเลยจะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 มาใช้ในกรณีนี้ไม่ได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305 ไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่าโดยสุจริตหรือไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า คุณหญิงสร้อยบูรชลเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาคดีแดงที่ 1895/2504 ของศาลแพ่ง นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดที่ 355 มีห้องเลขที่ 675/10 ซึ่งจำเลยที่ 3 ลูกหนี้ในคดีนั้นใช้อยู่เอง และได้ขายทอดตลาดเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2507 โดยคุณหญิงสร้อยฯ ซื้อแล้วโอนทะเบียนเมื่อ 16 ธันวาคม 2507 ให้โจทก์ปรากฏว่าจำเลยที่ 1, 2 อยู่ในห้องและจำเลยที่ 3 ทิ้งรถยนต์ไว้ในห้องนี้โดยไม่มีสิทธิ และไม่ยอมออก ขอให้ขับไล่จำเลยที่ 1, 2และให้จำเลยที่ 3 ย้ายรถยนต์ออกไป ให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหาย ฯลฯ

จำเลยที่ 1, 2 ให้การว่า เมื่อคุณหญิงสร้อยฯ และโจทก์รับโอนกรรมสิทธิ์ห้องพิพาทไปแล้ว ไม่ยอมรับค่าเช่า ฯลฯ

ก่อนจำเลยที่ 3 ยื่นคำให้การ โจทก์ยื่นคำบอกกล่าวถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 3

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยที่ 1, 2 พร้อมกับบริวารและให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหาย

จำเลยที่ 1, 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 1, 2 ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ห้องพิพาทเป็นของลูกหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งถูกยึดในการบังคับคดีตั้งแต่ พ.ศ. 2504 แต่เพิ่งจะถึงที่สุดและขายทอดตลาดเมื่อ พ.ศ. 2507 จำเลยได้เช่าห้องพิพาทจากลูกหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนั้นภายหลังที่ห้องพิพาทได้ถูกยึดแล้ว แม้โจทก์จะได้รับโอนห้องพิพาทจากผู้ซื้อในการบังคับคดีภายหลังที่จำเลยได้เช่าห้องพิพาทแล้ว ศาลฎีกาเห็นว่าห้องพิพาทได้ถูกยึดและขายโดยไม่มีการเช่าติดไปด้วย จำเลยเช่าห้องพิพาทภายหลังที่ได้มีการยึดห้องพิพาทแล้ว จำเลยไม่สามารถอ้างการเช่าขึ้นยันโจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีผู้ขายห้องพิพาทนั้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 305 เพราะการเช่าของจำเลยเป็นสิทธิที่ลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้ก่อให้เกิดขึ้นในทรัพย์สินภายหลังที่ถูกยึดแล้วผู้ซื้อและรับโอนต่อไปจึงได้ทรัพย์สินที่ซื้อไปโดยปลอดจากการเช่าดังกล่าวนั้น จำเลยจะอ้างประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 569 มาใช้แก่กรณีนี้ไม่ได้ ตามบทบัญญัติมาตรา 305 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งดังกล่าวแล้วนั้น ไม่ต้องคำนึงว่าจำเลยได้ทำสัญญาเช่าโดยสุจริตหรือไม่

พิพากษายืน

Share