คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1001/2514

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องของโจทก์ระบุเลขทะเบียนรถยนต์ของจำเลยคันที่ชนโจทก์ผิดพลาด จำเลยมิได้ให้การปฏิเสธว่ารถยนต์นั้นมิใช่ของจำเลย แต่ต่อสู้ว่าคนขับรถมิใช่ลูกจ้างของจำเลย หลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว โจทก์มาขอแก้ไขฟ้องให้ถูกต้อง ดังนี้ เป็นเรื่องแก้ไขความผิดพลาดเล็กน้อย แม้จะขอภายหลังกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ศาลก็มีอำนาจสั่งอนุญาตได้
เทศบาลนครกรุงเทพจัดรถยนต์ประจำตำแหน่งให้พนักงานเทศบาลชั้นผู้ใหญ่ใช้พร้อมกับจ้างคนขับรถให้ด้วยโดยผู้ใช้รถนำรถไปเก็บไว้ที่บ้าน คนขับรถได้ขับรถโดยประมาทชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสในขณะที่ผู้ใช้รถนั่งมาในรถนั้นด้วยแม้ขณะเกิดเหตุจะเป็นเวลา 20 นาฬิกานอกเวลาราชการ ก็ยังถือได้ว่าคนขับรถซึ่งเป็นลูกจ้างของเทศบาลได้กระทำไปในทางการที่จ้างเทศบาลจะปฏิเสธความรับผิดมิได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ขับรถยนต์เลขทะเบียน ก.ท.พ. 4862 ของจำเลยที่ 2 ได้ขับรถดังกล่าวไปตามทางการที่จ้างด้วยความประมาท เป็นเหตุให้ชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย

สำหรับจำเลยที่ 1 ส่งหมายเรียกให้ไม่ได้ และโจทก์ไม่แถลงต่อศาลว่าจะดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 หรือไม่ ศาลจึงสั่งจำหน่ายคดีเฉพาะตัว

จำเลยที่ 2 ต่อสู้ว่า จำเลยที่ 1 ไม่ใช่ลูกจ้าง และมีหน้าที่ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ไม่เคยสั่งหรือมอบหมายให้จำเลยที่ 1 ไปกระทำการตามทางการที่จ้าง เกิดเหตุเป็นเวลาค่ำคืนนอกเวลาราชการ ไม่มีความจำเป็นอันใดที่จะต้องใช้จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ไปเพื่อประโยชน์ของจำเลยที่ 2 ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้องเกินความจริง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ 10,550 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้วเฉพาะอัตราดอกเบี้ย โดยให้จำเลยที่ 2เสียดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นอกนั้นให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ข้อแรก จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า โจทก์ขอแก้ฟ้องเกี่ยวกับเลขทะเบียนรถยนต์คันที่ชนโจทก์ หลังจากสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ศาลจะอนุญาตให้โจทก์แก้ฟ้องไม่ได้ เพราะเป็นเวลาภายหลังชี้สองสถาน และภายหลังวันสืบพยานและคดีไม่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยที่ 2 ยื่นคำให้การ จำเลยที่ 2 ก็มิได้ปฏิเสธว่ารถยนต์คันที่ชนโจทก์ไม่ใช่รถยนต์ของจำเลยที่ 2 คงเถียงแต่เพียงว่า จำเลยที่ 1 คนขับรถไม่ใช่ลูกจ้างของจำเลยที่ 2 การที่โจทก์ระบุเลขทะเบียนรถยนต์ผิดพลาดไป แล้วมาขอแก้ไขให้ถูกต้องภายหลังเป็นเรื่องแก้ไขความผิดพลาดเล็กน้อย แม้จะเป็นภายหลังกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 180 ศาลก็มีอำนาจอนุญาตให้โจทก์แก้ไขให้ถูกต้องได้

ฎีกาข้อต่อไป ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า รถคันที่ชนโจทก์เป็นรถของจำเลยที่ 2 มอบให้นายสมโภชน์หัวหน้ากองควบคุมอาคารเทศบาลนครกรุงเทพไปใช้เป็นรถประจำตำแหน่งพร้อมทั้งจ้างจำเลยที่ 1เป็นคนขับรถให้ ขณะเกิดเหตุนายสมโภชน์และภรรยาก็นั่งอยู่ในรถด้วย

มีปัญหาว่า การที่เทศบาลนครกรุงเทพจัดรถประจำตำแหน่งให้พนักงานเทศบาลชั้นผู้ใหญ่ใช้พร้อมกับจัดคนขับรถให้ด้วย เมื่อคนขับรถขับไปชนโจทก์ได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยประมาท จะถือว่าขับรถไปตามทางการที่จ้างหรือไม่ ในเมื่อขณะเกิดเหตุเป็นเวลา 20 นาฬิกา นอกเวลาราชการ

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า รถยนต์ประจำตำแหน่งรายนี้ ผู้ใช้รถนำรถไปเก็บไว้ที่บ้าน ขณะเกิดเหตุผู้ใช้รถก็นั่งมาในรถนั้นด้วย แม้จะเป็นเวลา 20 นาฬิกา ก็ตาม ก็ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำไปในทางการที่จ้างจำเลยที่ 2 จะปฏิเสธความรับผิดไม่ได้

ในเรื่องค่าเสียหาย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าศาลล่างกำหนดค่าเสียหายชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share