คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1000/2511

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์บรรยายว่า จำเลยได้ทำหลักฐานยืมเอาเงินของโจทก์ไปหลายครั้งแล้วไม่ใช้ โจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้เงินตามฟ้องซึ่งฟ้องโจทก์ได้กล่าวแสดงรายละเอียดถึงวันเดือนปีและจำนวนเงินที่จำเลยยืมไป และมีสำเนาใบยืมท้ายฟ้องดังนี้ ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม
จำเลยมิได้ใช้เงินที่จำเลยยืมไปจากโจทก์ในกิจการของโจทก์กรณีจึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165 ต้องใช้อายุความตามมาตรา 164

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยในฐานะที่เป็นลูกจ้างโจทก์ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการได้ทำหลักฐานยืมเงินโจทก์ไป 14 ครั้ง รวมเป็นเงิน 61,500 บาท โดยจำเลยอ้างว่ายืมไปทดรองจ่ายในกิจการของบริษัทโจทก์แต่จำเลยมิได้นำเงินยืมไปใช้ในกิจการของโจทก์ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระเงินดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย ฯลฯ

จำเลยให้การว่า มิได้เป็นหนี้เงินยืมโจทก์ แม้จะยืมไป ก็ได้ใช้จ่ายในกิจการของโจทก์ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม และขาดอายุความ ฯลฯ

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามฟ้อง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ในข้อที่ว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าฟ้องของโจทก์บรรยายว่าจำเลยได้ทำหลักฐานยืมเอาเงินของโจทก์ไปหลายครั้ง แล้วไม่ใช้โจทก์จึงฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้เงินตามฟ้องซึ่งฟ้องของโจทก์ได้กล่าวแสดงรายละเอียดถึงวันเดือนปีและจำนวนเงินที่จำเลยยืมไป และมีสำเนาใบยืมท้ายฟ้อง ทั้งได้ส่งพร้อมกับสำเนาฟ้องให้จำเลยทราบด้วยแล้ว คำฟ้องของโจทก์ได้แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหา และคำขอบังคับทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาพอที่จะทำให้จำเลยเข้าใจและต่อสู้คดีได้ ฟ้องของโจทก์จึงไม่เคลือบคลุมดังที่จำเลยฎีกา

ส่วนข้อเท็จจริงนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า พยานหลักฐานจำเลยฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้นำเงินจำนวนที่โจทก์ฟ้องไปใช้ในกิจการของโจทก์ และได้ใช้ให้โจทก์แล้ว

ข้อที่จำเลยฎีกาว่าคดีของโจทก์ขาดอายุความ เพราะกรณีเป็นเรื่องที่จำเลยยืมเงินโจทก์ไปใช้ในกิจการของโจทก์ จึงต้องใช้อายุความ 2 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(8) นั้น ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า ดังได้วินิจฉัยมาแล้วว่า เงินที่จำเลยยืมไปจากโจทก์นั้น ฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ยืมไปใช้ในกิจการของโจทก์ฉะนั้น กรณีจึงไม่ต้องด้วยบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 165 และคดีต้องใช้อายุความตามมาตรา 164 ซึ่งมีกำหนด 10 ปี อันเป็นบทกำหนดอายุความทั่ว ๆ ไป ซึ่งเอกสารหลักฐานปรากฏว่าจำเลยยืมเงินของโจทก์ไปในระหว่างปี พ.ศ. 2504และ พ.ศ. 2505 นับถึงวันฟ้องคดีคือวันที่ 3 กันยายน 2507 คดีของโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ

พิพากษายืน

Share