แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามปกติโจทก์ทำงานประจำที่บริษัทจำกัดแห่งหนึ่ง เวลาว่างงานเคยเป็นนายหน้าติดต่อเปิดเครดิตให้บริษัทอื่นๆบ้าง เคยเป็นนายหน้าในการขายแร่ให้จำเลยบ้าง ไม่ได้ความว่าเป็นอาชีพปกติหรือไม่ คงฟังได้เพียงว่าเคยปฏิบัติในเวลาว่างงาน ดังนี้ ยังไม่พอที่จะวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นผู้ค้าในการดูแลกิจการของผู้อื่นหรือรับทำการงานต่างๆ ตามความหมายแห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องเรียกเงินค่านายหน้าจากจำเลยเป็นเงิน 117,330 บาทกับดอกเบี้ย
จำเลยปฏิเสธว่า มิได้ตกลงจ้างโจทก์เป็นนายหน้า
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า คดีขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7) พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาคงฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ตกลงให้โจทก์เป็นนายหน้าขอเปิดเครดิตเงินปอนด์รายนี้จริง ส่วนข้อที่ว่าโจทก์มุ่งทำเป็นอาชีพ อันถือได้ว่าเป็นผู้ค้าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7) หรือไม่นั้น ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ตามปกติโจทก์ทำงานประจำที่บริษัทธนบุรีพาณิช จำกัด เวลาว่างงานเคยเป็นนายหน้าติดต่อเปิดเครดิตให้บริษัทอาทรพาณิชย์บ้าง บริษัทวิรุฬหัตถกิจบ้างเคยเป็นนายหน้าในการขายแร่ให้จำเลยบ้าง ไม่ได้ความว่าเป็นอาชีพปกติหรือไม่ คงฟังได้เพียงว่าเคยปฏิบัติในเวลาว่างงาน ศาลฎีกาจึงเห็นว่า ข้อเท็จจริงเท่าที่ปรากฏยังไม่พอที่จะวินิจฉัยว่าเป็นผู้ค้าในการดูแลกิจการของผู้อื่นหรือรับทำการงานต่าง ๆ ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 165(7) คดีของโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น