คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 100/2515

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินซึ่งประชาชนในหมู่บ้านใช้ร่วมกันสำหรับเลี้ยงสัตว์พาหนะโคกระบือและเป็นที่ป่าช้ามา 80 ปีเศษแล้วเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304(2) คือ ทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันไม่ใช่ที่ดินรกร้างว่างเปล่า
ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่เป็น ทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันนั้นเกิดขึ้นและเป็นอยู่ตามสภาพของที่ดิน และการใช้ร่วมกันของประชาชน โดยไม่ต้องมีประกาศพระราชกฤษฎีกาสงวนไว้หรือขึ้นทะเบียนหรือมีเอกสารของทางราชการกำหนดให้เป็นที่สาธารณประโยชน์เช่นนั้นทั้งผู้ใดไม่อาจยกอายุความขึ้นต่อสู้กับแผ่นดินได้
จำเลยเคยถูกฟ้องเป็นคดีอาญาหาว่าแผ้วถางป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่มีประเด็นโดยตรงว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันหรือไม่ แม้ศาลจะพิพากษายกฟ้องในคดีอาญา ก็จะนำคำพิพากษานั้นมาใช้ยันในคดีแพ่งซึ่งนายอำเภอเป็นโจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันหาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ดำรงตำแหน่งนายอำเภอประทาย จังหวัดนครราชสีมา มีหน้าที่ดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์ จำเลยได้แผ้วถางป่าปิดกั้นคันนาปลูกปอแก้วและข้าวรุกล้ำเข้าไปในเขตที่สาธารณประโยชน์ที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกัน ขอให้ขับไล่จำเลยและเพิกถอน ส.ค.1 ของจำเลย

จำเลยต่อสู้ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องเคลือบคลุมและฟ้องซ้อนที่พิพาทเป็นมรดกตกทอดแก่จำเลย ไม่ใช่ที่สาธารณประโยชน์

วันนัดสืบพยานโจทก์ คู่ความอ้างเอกสารและสำนวนคดีเป็นพยานและรับข้อเท็จจริงกันบางประการ แล้วศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานโจทก์ และวินิจฉัยว่าโจทก์มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม และไม่เป็นฟ้องซ้อน แต่ที่พิพาทไม่มีพระราชกฤษฎีกาประกาศสงวนไว้เป็นที่สาธารณะประจำหมู่บ้านทั้งไม่มีทะเบียนหรือเอกสารใดของทางราชการกำหนดให้เป็นที่สาธารณประโยชน์ จึงเป็นที่รกร้างว่างเปล่าซึ่งบุคคลอาจได้มาตามกฎหมายที่ดินคดีอาญาแดงที่ 2172/2512 ที่จำเลยถูกฟ้องหาว่าแผ้วถางป่าไม้รับอนุญาตในที่พิพาทซึ่งถึงที่สุดแล้ว ศาลชี้ว่าจำเลยแผ้วถางที่ดินที่จำเลยมีสิทธิครอบครองข้อเท็จจริงดังนี้ใช้ยันโจทก์ได้ และตามคดีแพ่งแดงที่ 126/2497 ก็ฟังได้ว่าจำเลยได้ครอบครองที่พิพาทนี้มานานแล้ว ที่พิพาทจึงหมดสภาพที่ดินสาธารณประโยชน์ที่พลเมืองใช้ร่วมกัน พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ศาลชั้นต้นงดสืบพยาน แล้วพิพากษายังไม่ชอบพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ดำเนินการสืบพยานแล้วพิพากษาใหม่

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยแผ้วถางป่าปิดกั้นคันนาปลูกปอและข้าวรุกล้ำเข้าไปในเขตที่ดินโคกหนองไผ่ ซึ่งเป็นที่สาธารณประโยชน์ที่ประชาชนชาวบ้านทุ่งมนใช้ร่วมกันสำหรับเลี้ยงสัตว์พาหนะโคกระบือและเป็นที่ป่าช้ามา 80 ปีเศษแล้ว คำบรรยายฟ้องดังนี้ หมายถึงว่าเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304(2) คือ ทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันไม่ใช่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่ดินรกร้างว่างเปล่าตาม มาตรา 1304(1) ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภทที่เป็นทรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันนั้นเกิดขึ้นและเป็นอยู่ตามสภาพของที่ดินและการใช้ร่วมกันของประชาชนโดยไม่ต้องมีประกาศพระราชกฤษฎีกาสงวนไว้หรือขึ้นทะเบียน หรือมีเอกสารของทางราชการกำหนดให้เป็นที่สาธารณประโยชน์เช่นนั้น ทั้งผู้ใดไม่อาจยกอายุความครอบครองขึ้นต่อสู้กับแผ่นดินได้ การนำสืบในเรื่องนี้ย่อมนำพยานบุคคลมาสืบได้ ส่วนคดีอาญาแดงที่ 2172/2512 ที่จำเลยอ้างนั้น เป็นเรื่องจำเลยถูกฟ้องหาว่าแผ้วถางป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตไม่มีประเด็นโดยตรงว่าที่พิพาทเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินประเภททรัพย์สินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันหรือไม่ จึงนำคำพิพากษานั้นมาใช้ยันคดีนี้ไม่ได้ ข้อเท็จจริงเท่าที่ศาลชั้นต้นสอบถามคู่ความแล้วสั่งงดสืบพยานทั้งสองฝ่ายนั้นยังไม่พอชี้ขาดคดีได้ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share