คำสั่งคำร้องที่ 994/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ให้ลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี จึงต้องห้ามอุทธรณ์ (ฎีกา) ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ไม่รับฎีกา จำเลยเห็นว่า ฎีกาที่ว่า พยานหลักฐานโจทก์รับฟังลงโทษ จำเลยไม่ได้ และการกระทำความผิดของจำเลยที่เป็นความผิด สำเร็จแล้ว จะเป็นความผิดฐานอื่นอีกหรือไม่นั้น เป็นปัญหา ข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 41) ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก ลงโทษจำคุก 5 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีและผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ เป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 6 เดือน ยกฟ้องความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกาและแก้ไขเพิ่มเติมฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่ง ไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 39,40) จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 41)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก ตามคำรับสารภาพของจำเลย ที่จำเลยฎีกาในข้อ 2.1,2.2 และ 3 พอสรุปได้ว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังลงโทษจำเลยไม่ได้นั้น เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ ฎีกาตามประมวลกฎหมาย วิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ส่วนข้อ 2 ที่จำเลยฎีกา ในปัญหาข้อกฎหมายว่า คดีนี้ต้องสืบพยานประกอบคำรับสารภาพ ของจำเลยจนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงนั้น เห็นว่าความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 357 วรรคแรก ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ศาลย่อมมีอำนาจรับฟังข้อเท็จจริง ตามคำรับสารภาพของจำเลยและพิพากษาลงโทษจำเลย ได้โดยไม่จำต้องสืบพยานหลักฐานต่อไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 176 วรรคแรก จึงเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระ ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share