คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 238/2547

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์มิใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) จึงไม่มีอำนาจฟ้อง ให้ยกฟ้องศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้อง คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาไม่ว่าจะเป็นปัญหาข้อเท็จจริงหรือปัญหาข้อกฎหมายตามมาตรา 220

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2544 โจทก์ได้ขอให้ศาลจังหวัดนนทบุรีหมายเรียกจำเลยให้มาเบิกความเป็นพยานโจทก์ในคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 4116/2541 โดยให้จำเลยมาเบิกความในวันที่ 19 ตุลาคม 2544 เวลา 9 นาฬิกา ศาลจังหวัดนนทบุรีได้ออกหมายเรียกจำเลยเป็นพยานบุคคลตามที่โจทก์ขอ และส่งหมายเรียกดังกล่าวให้แก่จำเลยโดยวิธีปิดหมาย ปรากฏว่าจำเลยไม่มาศาลตามกำหนดนัด ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ต้องเสียค่านำหมายเป็นเงิน 250 บาท และทำให้คดีโจทก์ล่าช้า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59, 170

ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ราษฎรเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้ววินิจฉัยว่าโจทก์มิใช่ผู้เสียหายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 2(4) จึงไม่มีอำนาจฟ้องให้ยกฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นที่ให้ยกฟ้อง คดีจึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาไม่ว่าจะเป็นปัญหาข้อเท็จจริงหรือปัญหาข้อกฎหมายตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาโจทก์มานั้นเป็นการไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้

พิพากษายกฎีกาโจทก์”

Share