คำสั่งคำร้องที่ 961/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกา ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจึงไม่รับฎีกาโจทก์
โจทก์เห็นว่า คดีนี้โจทก์มีสิทธิฎีกาได้ด้วยข้อกฎหมายดังนี้คือ ก. ทุนทรัพย์คดีนี้เป็นเงิน 500,000 บาท ข. ศาลอุทธรณ์แก้ไขมากอันเป็นสาระสำคัญแก่คดีและจำเลยที่ 1 ไม่ยื่นอุทธรณ์และ ค. โจทก์ได้ประโยชน์จากมาตรา 437 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ และพระราชบัญญัติจราจร เพราะจำเลยหลบหนีเป็นความผิดอาญา ขอศาลฎีกาได้โปรดรับฎีกาโจทก์ ไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ ทนายจำเลยที่ 2 ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 111) ส่วนจำเลยที่ 1 นั้นไม่ปรากฏว่าได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินให้แก่โจทก์จำนวน 180,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตรา ร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้อง (31 ตุลาคม 2532) เป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกเสีย
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินแก่โจทก์ จำนวน 90,000 บาท นอกจากที่ แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 106)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 111)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง ฎีกาของโจทก์โต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานและการกำหนดค่าเสียหาย ที่จำเลยทั้งสองต้องรับผิดต่อโจทก์ ซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ทั้งสิ้น ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share