คำสั่งคำร้องที่ 96/2545

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลอุทธรณ์ภาค 7 ว่า คดีนี้จำเลยที่ 1มิได้วางเงินชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียม และค่าทนายความในศาลชั้นต้น ซึ่งกำหนดให้เป็นค่าทนายความ 2,000 บาท และค่าเสียหายอีกเดือนละ 1,000 บาท นับแต่วันฟ้อง(วันที่ 17 เมษายน 2540) มาจนถึงวันอุทธรณ์รวมเวลาแล้วประมาณ 4 ปี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของค่าฤชาธรรมเนียมในการอุทธรณ์คำพิพากษาที่จำเลยที่ 1 จำต้องวางต่อศาลตามกฎหมาย คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ที่ให้ศาลชั้นต้นรับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาเป็นการมิชอบ ขอศาลฎีกาโปรดมีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ด้วย
หมายเหตุ จำเลยที่ 1 ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว ไม่แถลงคัดค้าน (อันดับ 114,115)
ระหว่างพิจารณา โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ 2 ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 และบริวารออกไปจากที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 5234 เลขที่ดิน 71 หน้าสำรวจ 289 ตำบลท่าไม้ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรีและขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากอาคารเลขที่ 8/2 หมู่ที่ 4 ตำบลท่าไม้ อำเภอท่ามะกาจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งขายฝากและห้ามยุ่งเกี่ยวกับที่ดินและอาคารดังกล่าวของโจทก์ให้จำเลยที่ 1 ใช้ค่าเสียหายแก่ให้โจทก์เป็นเงินเดือนละ 1,000 บาท นับจากวันฟ้อง(วันที่ 17 เมษายน 2540) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองออกจากที่พิพาทอันมีค่าเช่าหรืออาจให้เช่าได้ในขณะยื่นฟ้องเดือนละ 1,000 บาทจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 224 วรรคสอง และไม่ปรากฏว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ได้รับการรับรองจากผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ได้หรือไม่ จึงไม่รับอุทธรณ์
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ (อันดับที่ 98)
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 มีคำสั่งว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าที่ดินและอาคารพิพาทเป็นของโจทก์โดยจำเลยที่ 1 นำมาขายฝากโจทก์ไว้แล้วไม่ไถ่คืนภายในเวลากำหนด โจทก์ไม่ประสงค์จะให้จำเลยที่ 1 อาศัยอยู่ในที่ดินพิพาทต่อไปจึงฟ้องขับไล่ จำเลยที่ 1 ให้การว่าโจทก์และจำเลยที่ 1 ทำสัญญาขายฝากดังกล่าวเพื่ออำพรางนิติกรรมจำนอง ความจริงเป็นการจำนองที่ดินและอาคารพิพาทกัน เท่ากับจำเลยที่ 1 ให้การต่อสู้ว่าที่ดินและอาคารพิพาทยังเป็นของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เพียงแต่นำไปจำนองโจทก์ไว้เพื่อเป็นประกันการชำระหนี้เท่านั้น จึงเป็นการต่อสู้กรรมสิทธิ์ เป็นคดีมีทุนทรัพย์ และศาลชั้นต้นตีราคาที่ดินพิพาทมาแล้วว่ามีราคา 6,000,000 บาท เมื่อศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ชนะคดี จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ คดีนี้ก็ยังเป็นคดีที่มีราคาทรัพย์หรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นอุทธรณ์เกินห้าหมื่นบาท ไม่ต้องห้ามมิให้คู่ความอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 224 วรรคหนึ่ง จำเลยที่ 1 จึงอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ ให้รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ไว้และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป
โจทก์จึงยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งนี้ (อันดับ 111)

คำสั่ง
คำสั่งของศาลอุทธรณ์ภาค 7 ที่ให้รับอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 กรณีนี้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 236 วรรคหนึ่ง บัญญัติให้เป็นที่สุดโดยไม่อาจฎีกาต่อไปได้อีก สำหรับปัญหาว่าอุทธรณ์ของจำเลยที่ 1 ที่ไม่วางค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนให้ครบถ้วน จะเป็นอุทธรณ์ที่ชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายเป็นเรื่องที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 จะได้พิจารณาพิพากษาต่อไป
จึงให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ

Share