แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา มีทางชนะคดี โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ ทนายโจทก์ทั้งสี่แถลงคัดค้าน (อันดับ 203)คดีสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน โดยเรียกโจทก์สำนวนแรกกับจำเลยสำนวนหลังว่า โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 4ตามลำดับ และให้เรียกนายวารินทร์ จำปาเงิน ซึ่งเป็นจำเลยสำนวนแรกและเป็นโจทก์สำนวนหลังว่า จำเลย
ก่อนศาลชั้นต้นพิพากษา จำเลยถึงแก่กรรม ศาลชั้นต้นอนุญาตให้นางเฟื่องแก้ว จำปาเงิน ภรรยาของจำเลยเข้าเป็นคู่ความแทนศาลชั้นต้นพิพากษา ให้จำเลยชำระเงิน 15,000 บาทให้โจทก์ที่ 1 ชำระเงิน 20,000 บาทให้โจทก์ที่ 3 และชำระเงิน183,585 บาท ให้โจทก์ที่ 4 ทั้งนี้โดยให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในจำนวนเงินที่จะต้องชำระให้โจทก์ที่ 1โจทก์ที่ 3 และโจทก์ที่ 4 นับแต่วันละเมิด (22 กุมภาพันธ์ 2526)เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ส่วนคำขออย่างอื่นของโจทก์ที่ 1โจทก์ที่ 3 และโจทก์ที่ 4 นอกจากนี้ให้ยกเสียและให้ยกฟ้องของโจทก์ที่ 2 และยกฟ้องของจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินให้แก่โจทก์ที่ 2 จำนวน 192,145 บาท พร้อมดอกเบี้ยในต้นเงินดังกล่าวอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2526เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 195,194)จำเลยได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ดยวางหลักประกันและได้ทำหนังสือสัญญาค้ำประกันไว้ต่อศาลชั้นต้น(อันดับ 162,167)
คำสั่ง
ถ้าจำเลยหาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2526 จนถึงวันทราบคำสั่งนี้และต่อไปอีก 2 ปี มาให้เป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนดก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง