แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า เนื่องจากเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2544 นายกิตติเอ็นดูราษฎร์ ได้ทำบันทึกรับผิดยืนยันข้อเท็จจริงตามคำฟ้องของโจทก์ว่า ที่ดินแปลงพิพาททั้งสองแปลงเป็นของนางอองเอ็นดูราษฎร์ที่ขายให้กับโจทก์และพินัยกรรมเอกสารหมายจ.6นั้นนางอองเอ็นดูราษฎร์ ได้ทำขึ้นในขณะหลงลืมไปแล้ว ข้อเท็จจริงดังกล่าวนี้เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นใหม่และสำคัญต่อคดี ซึ่งโจทก์ไม่อาจเสนอต่อศาลชั้นต้นได้ จึงขอให้ศาลโปรดนัดไต่สวนคำร้องของโจทก์กับมีคำสั่งให้สืบพยานหลักฐานเพิ่มเติมในประเด็นต่อไปนี้
1. นางอองได้ส่งมอบการครอบครองที่ดินพิพาทให้โจทก์ และโจทก์ได้เข้าครอบครองใช้ประโยชน์ตลอดมานับแต่วันทำสัญญาซื้อขายทั้งสองฉบับหรือไม่
2. พินัยกรรมเอกสารหมาย จ.6 และสัญญายกให้ที่ดิน เอกสารหมาย ล.4นางอองทำขึ้นในขณะที่สติสัมปชัญญะสมบูรณ์หรือไม่
3. ทายาทอื่นของนางอองรู้ถึงการครอบครองเป็นเจ้าของที่ดินพิพาททั้งสองแปลงของโจทก์หรือไม่
4. ที่ดินพิพาทแปลงที่ 1 เป็นที่ดินส่วนของนางอองเอ็นดูราษฎร์ หรือไม่ และมีคำสั่งให้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาคดีใหม่ด้วย
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 130)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่ดิน น.ส.3 ก. เลขที่ 783 และ 785 ตำบลวังหว้าอำเภอแกลง จังหวัดระยอง เป็นของโจทก์ห้ามจำเลยเข้าเกี่ยวข้อง และโฉนดที่ดินเลขที่ 16901 ตำบลวังหว้าอำเภอแกลง จังหวัดระยอง เป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 123,124)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์อ้างว่า นายกิตติเอ็นดูราษฎร์ ได้ทำบันทึกยอมรับผิดยืนยันข้อเท็จจริงตามคำฟ้องของโจทก์ว่า ที่ดินแปลงพิพาททั้งสองแปลงเป็นของนางออง เอ็นดูราษฎร์ที่ขายให้แก่โจทก์และพินัยกรรมเอกสารหมายจ.6นางอองเอ็นดูราษฎร์ได้ทำขึ้นขณะหลงลืมไปแล้ว เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นใหม่และสำคัญต่อคดี ซึ่งโจทก์ไม่อาจเสนอต่อศาลชั้นต้นได้ เห็นว่า โจทก์และจำเลยได้อ้างนายกิตติเอ็นดูราษฎร์ เป็นพยาน และนายกิตติเอ็นดูราษฎร์ ก็ได้เบิกความเป็นพยานจำเลยในคดีนี้แล้ว จึงไม่สมควรที่จะสืบพยานเพิ่มเติมตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 240(2) ประกอบมาตรา 247 ให้ยกคำร้อง