คำสั่งคำร้องที่ 930/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา และยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีนี้ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รับรองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง และผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีนี้ในศาลอุทธรณ์มีคำสั่งไม่อนุญาตให้ฎีกา ยกคำร้องศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งในฎีกาว่า ศาลฎีกา (ที่ถูกควรเป็นศาลอุทธรณ์)มีคำสั่งลงมาแล้ว ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงและจำเลยไม่ได้รับการรับรองให้ฎีกาได้ จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยมีทั้งปัญหาข้อเท็จจริงและปัญหาข้อกฎหมาย เมื่อผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีไม่รับรองฎีกาปัญหาข้อเท็จจริงของจำเลยแล้วศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยทั้งหมดจึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายของจำเลย ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 ประกอบกับมาตรา 83 ให้วางโทษจำคุก 2 ปี ให้จำเลยคืนเงินจำนวน 55,000 บาท แก่ผู้เสียหายด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องขอให้ผู้พิพากษาที่พิจารณาคดีในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์รับรองฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 80,79 และ 83)
ทนายจำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 90)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ฎีกาของจำเลยที่ว่า จำเลยกระทำผิด หรือไม่ก็ดี ผู้เสียหายรู้เรื่องกระทำผิดเมื่อใดก็ดี เป็นฎีกา ดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาล จึงเป็นฎีกา ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share