แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้มีราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง ส่วนข้อกฎหมาย ไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย จึงไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า การที่โจทก์ฎีกาขอให้ศาลวินิจฉัยในประเด็นเรื่องสินสมรสที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัยไว้ และฎีกาในประเด็นที่ว่าโจทก์จำเลยตกลงแบ่งทรัพย์มรดกกันแล้วหรือไม่กับประเด็นที่ว่าศาลอุทธรณ์รับฟังพยานหลักฐานตามข้อเท็จจริงที่จำเลยนำสืบขึ้นใหม่นอกคำให้การจำเลยเป็นการรับฟังพยานหลักฐานที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย นั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เป็นสาระแก่คดีทั้งสิ้น โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาด้วย
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 152)
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการโอนที่พิพาท ให้จำเลยแบ่งที่ดินดังกล่าวและบ้านพิพาทซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินอันเป็นสินสมรสครึ่งหนึ่งให้แก่โจทก์ส่วนที่เหลืออีกครึ่งหนึ่งแบ่งเป็นมรดกให้โจทก์ 1 ใน 11 ส่วน
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยถึงแก่กรรมนายยงยุทธ แย้มแพสามีของจำเลยยื่นคำร้องขอเข้าเป็นคู่ความแทนจำเลยผู้มรณะ ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งอนุญาต
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 132)
โจทก์ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 136)
คำสั่ง
ฎีกาของโจทก์เป็นเรื่องโต้แย้งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในข้อที่ว่านอกจากประเด็นที่ว่าโจทก์จำเลยตกลงแบ่งทรัพย์มรดก กันแล้วหรือไม่แล้ว ศาลอุทธรณ์ควรวินิจฉัยประเด็นข้ออื่นอีกด้วย และโต้แย้งอีกว่าไม่ควรรับฟังว่าโจทก์จำเลยตกลงแบ่งทรัพย์มรดก กันแล้ว อันล้วนเป็นเรื่องดุลพินิจ จึงเป็นฎีกาในปัญหา ข้อเท็จจริงซึ่งคดีนี้มีทุนทรัพย์ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกานั้นต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ยกคำร้องค่าคำร้องเป็นพับ