แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่าฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้น ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่แก้ไขแล้วจึงไม่รับ
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายที่สมควรขึ้นสู่ศาลฎีกาและมิได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 220 ว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ใช้ดุลพินิจโดยฟังว่าข้อเท็จจริงอันเป็นมูลกรณีพิพาทคดีนี้ยังไม่ยุติ โดยเห็นว่าโจทก์ด่วนมาฟ้อง ซึ่งเป็นปัญหาอันเป็นประเด็นในฎีกานี้คือ ปัญหาว่าฟ้องโจทก์ควรรับไว้พิจารณาหรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 51)
โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 177
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ววินิจฉัยว่า คดีของโจทก์ไม่มีมูลพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 50)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 51)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ห้ามมิให้คู่ความฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 220 ที่แก้ไขแล้ว ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง