แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางสั่งว่า อุทธรณ์โจทก์ เป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ไม่รับอุทธรณ์โจทก์
โจทก์เห็นว่า อุทธรณ์โจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายโดยอุทธรณ์ ข้อแรกเป็นปัญหาว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีขัดต่อพยาน หลักฐานในห้องสำนวน อุทธรณ์ข้อ 2 เป็นปัญหาว่าศาลแรงงานกลางวินิจฉัยคดีไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้ง ศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 48อุทธรณ์ข้อ 3 เป็นปัญหาว่าคำให้การของจำเลยที่ 2 ขัดกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 และอุทธรณ์ข้อ 4เป็นปัญหาว่าศาลแรงงานกลางนำข้อเท็จจริงมาปรับกับข้อกฎหมาย ขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93, 94,104 โปรดมีคำสั่งให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ด้วย
หมายเหตุ จำเลยทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 92)
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินจำนวน8,579,866 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากยอดเงิน 8,345,159 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 25 มิถุนายน 2534) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์และให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
โจทก์อุทธรณ์ ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 80)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 87)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ศาลแรงงานกลางฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ทุจริตยักยอกเงินของโจทก์ตามฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ทุกข้อที่ยกเหตุต่าง ๆ ขึ้นอ้างนั้น ก็เพื่อให้ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยที่ 2 ให้ทุจริตยักยอกเงินของโจทก์เป็นอุทธรณ์โต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลแรงงานกลาง จึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ที่ศาลแรงงานกลางไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง