แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า โจทก์ฎีกา โดยอธิบดีกรมอัยการรับรองฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ข้อกฎหมายที่โจทก์ฎีกานี้มีคำพิพากษาของศาลฎีกาและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์วินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานมาตลอดว่าเพิ่มโทษไม่ได้ ดังนี้ ข้อกฎหมายของโจทก์นี้จึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยจากศาลฎีกาอีกต่อไป จึงไม่รับฎีกา และต่อมาโจทก์ยื่นอุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 26 มีนาคม 2533 ศาลชั้นต้นสั่งว่าโจทก์อุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาเกินกำหนด 15 วันนับแต่วันฟังคำสั่ง จึงไม่รับอุทธรณ์โจทก์
โจทก์เห็นว่า การรับรองฎีกาของอธิบดีกรมอัยการเพื่อให้ศาลฎีกาวินิจฉัยนั้นถือเป็นเอกสิทธิของอธิบดีกรมอัยการโดยเฉพาะเมื่อรับรองถูกต้องตามขั้นตอนแล้ว ศาลชั้นต้นย่อมมีหน้าที่ต้องรับฎีกา หามีอำนาจวินิจฉัยว่าฎีกาที่รับรองนั้นไม่เป็นสาระไม่ คำสั่งศาลชั้นต้นจึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบไม่ชอบด้วยกฎหมาย และที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์อ้างว่ายื่นพ้นกำหนด 15 วันนั้นก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากอุทธรณ์ของโจทก์เป็นการอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาซึ่งต้องเป็นไปตามหลักทั่วไปคือยื่นได้ภายในกำหนด 1 เดือนขอศาลอุทธรณ์ได้โปรดมีคำสั่งให้รับฟ้องอุทธรณ์ของโจทก์ไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ จำเลยยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติการพนัน พ.ศ. 2478 มาตรา 4,5,6,10,12,14 ทวิ,15 จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ปรับ 700 บาท
โจทก์อุทธรณ์ขอให้เพิ่มโทษจำเลยฐานไม่เข็ดหลาบ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยอธิบดีกรมอัยการรับรองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 19)
โจทก์อุทธรณ์ฉบับลงวันที่ 26 มีนาคม 2533 ขอให้ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น โดยให้ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว (อันดับ 20)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ ศาลชั้นต้นสั่งให้ส่งศาลฎีกาพิจารณาสั่งต่อไป (อันดับ 21)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า คำสั่งไม่รับฎีกาของศาลชั้นต้นจะชอบหรือไม่อย่างไรผู้ฎีกาก็ชอบที่จะต้องฎีกาเป็นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นนั้นต่อศาลฎีกา โดยยื่นต่อศาลชั้นต้นภายในกำหนด 15 วันนับแต่วันฟังคำสั่ง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 224คดีนี้แม้โจทก์จะอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์โดยระบุให้ศาลอุทธรณ์รับฎีกาของโจทก์ ก็ถือได้ว่าเป็นฎีกาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นต่อศาลฎีกาเพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคำร้องอุทธรณ์คำสั่งให้รับหรือไม่รับฎีกา แต่ปรากฏว่าศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของโจทก์ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2533ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับที่โจทก์ยื่นฎีกาโจทก์ยื่นฎีกาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2533 ฎีกาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวของโจทก์จึงยื่นเกินกำหนด 15 วัน นับแต่วันฟังคำสั่งเป็นการไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 224ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ให้ยกอุทธรณ์คำสั่งคำร้องของโจทก์