แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีนี้จำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามฎีกาในข้อเท็จจริง ฎีกาของจำเลยเป็นการโต้เถียง การรับฟังพยานหลักฐานเป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกา
จำเลยเห็นว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายและจำเลยได้ยกขึ้นต่อสู้มาแต่แรกจนถึงชั้นฎีกา สมควร ที่จะนำขึ้นสู่ศาลสูงวินิจฉัย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้ พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 110)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่พิพาทตามเส้นสีแดงเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 เนื้อที่ 20 ไร่ 64เศษ6 ส่วน 10 ตารางวา ตามโฉนดเลขที่ 2307 เลขที่ดิน 7 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นของโจทก์ และให้จำเลยไปจดทะเบียนแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ดิน 318 หน้าสำรวจ 5088 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เนื้อที่ 4 ไร่ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 ออกจากที่ดินโฉนดเลขที่ 2307 เลขที่ 7 ตำบลอิสาณ อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่มีคำพิพากษา หากไม่ปฏิบัติให้ถือเอา คำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 96)
จำเลยยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 102)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่าฎีกาของจำเลยทั้งสามข้อเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามไม่ให้ฎีกาตามมาตรา 248 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง