คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3741/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่ผู้ร้องกับพวกเข้าไปปลูกบ้านอยู่อาศัยและครอบครองที่ดินพิพาทโดยได้รับอนุญาตจากเจ้าของที่ดินพิพาท ถือไม่ได้ว่าเป็นการครอบครองโดยมีเจตนาจะเป็นเจ้าของที่ดินพิพาท แม้ผู้ร้องทั้งสองจะอ้างว่า ได้โต้แย้งคัดค้านที่ผู้คัดค้านนำเจ้าพนักงานที่ดินมารังวัดชี้เขตเข้ามาในที่ดินพิพาทเมื่อปี 2529 อันอาจถือได้ว่าผู้ร้องทั้งสองได้บอกกล่าวให้ผู้คัดค้านทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินทราบว่า ผู้ร้องทั้งสองไม่เจตนาที่จะยึดถือที่ดินพิพาทแทนผู้คัดค้านทั้งสามแล้ว แต่เมื่อนับจากวันดังกล่าวถึงวันยื่นคำร้องคดีนี้ยังไม่ครบกำหนด 10 ปี ผู้ร้องทั้งสองจึงยังไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382

ย่อยาว

ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องขอว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 1070มีชื่อนายหวาน ภู่พยอม เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ นายเจียนและนางสุกภู่พยอม บิดามารดาของสามีผู้ร้องทั้งสองได้ครอบครองที่ดินดังกล่าวบางส่วนเนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 50 ตารางวา โดยปลูกบ้านอยู่อาศัยกับครอบครัวตลอดมาเป็นเวลาประมาณ 80 ปี ซึ่งผู้ร้องทั้งสองได้อยู่อาศัยด้วย หลังจากนายเจียนและนางสุกถึงแก่กรรมแล้วผู้ร้องทั้งสองยังคงครอบครองที่ดินดังกล่าวโดยสงบ เปิดเผย ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของตลอดมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกินกว่า 10 ปี ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องทั้งสองโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382และมีหนังสือถึงเจ้าพนักงานที่ดินให้แก้ทะเบียนผู้ถือกรรมสิทธิ์โดยใส่ชื่อผู้ร้องทั้งสองแทนผู้คัดค้านทั้งสาม
ผู้คัดค้านทั้งสามยื่นคำคัดค้านว่า ผู้คัดค้านทั้งสามรับโอนมรดกที่ดินโฉนดเลขที่ 1070 เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2526 ผู้ร้องทั้งสอง สามีของผู้ร้องทั้งสอง นายเจียนและนางสุกอยู่อาศัยในที่ดินนี้โดยได้รับความยินยอมจากนายหวานบิดาของผู้คัดค้านทั้งสาม ไม่ได้ครอบครองที่ดินในทางปรปักษ์ ผู้ร้องที่ 1 กับสามีและบริวารเพียงแต่ปลูกบ้านอาศัยอยู่ในที่ดินพิพาทด้านทิศตะวันออกเนื้อที่ประมาณ 200 ตารางวา หากจะได้กรรมสิทธิ์ก็จะได้เพียงจำนวนเนื้อที่นี้เท่านั้น ผู้ร้องที่ 2 กับสามีและบริวารเพิ่งจะเข้ามาปลูกบ้านในที่ดินพิพาทด้านทิศใต้เนื้อที่ประมาณ 50 ตารางวาเมื่อปี 2526 หากจะได้กรรมสิทธิ์ก็จะได้เพียงประมาณ 50 ตารางวาเท่านั้น ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ร้องทั้งสองอุทธรณ์ โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องทั้งสองฎีกา โดยได้รับอนุญาตให้ดำเนินคดีอย่างคนอนาถา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ผู้ร้องทั้งสองและนายเจียนกับนางสุกเข้าไปปลูกบ้านอยู่อาศัยและครอบครองที่ดินพิพาทโดยได้รับอนุญาตจากนายหวานบิดาของผู้คัดค้านทั้งสามมิใช่เป็นการเข้าไปอยู่อาศัยและครอบครองที่ดินพิพาทโดยมีเจตนาจะเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 อนึ่งที่ผู้ร้องทั้งสองเบิกความว่า ผู้ร้องทั้งสองเคยโต้แย้งคัดค้านผู้คัดค้านที่นำเจ้าพนักงานที่ดินมารังวัดที่ดินฝืนใหญ่และชี้เขตข้ามคลองคานหักเข้ามาในที่ดินพิพาทเมื่อปี 2529 ซึ่งอาจถือได้ว่าผู้ร้องทั้งสองได้บอกกล่าวให้ผู้คัดค้านทั้งสามทราบว่าผู้ร้องทั้งสองไม่เจตนาที่จะยึดถือที่ดินพิพาทแทนผู้คัดค้านทั้งสามซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินพิพาทอยู่ในขณะนั้นแล้วนั้น เมื่อนับจากวันดังกล่าวถึงวันที่ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องในคดีนี้ก็ยังไม่ครบกำหนดสิบปี ผู้ร้องทั้งสองจึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทโดยการครอบครองปรปักษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 เช่นกัน ที่ศาลล่างทั้งสองให้ยกคำร้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของผู้ร้องทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share