แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยมีความประสงค์ขอคัดสำเนาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คำให้การพยานโจทก์ทุกปากในคดีนี้เพื่อนำไปอ้างอิงฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ โดยมอบฉันทะให้นักโทษชายสุรศักดิ์ แสวงสิทธิ์ เป็นผู้คัดให้ ขอศาลได้โปรดส่งหลักฐานสำนวนคดีนี้ไปยังศาลอาญาพร้อมแจ้งให้ศาลอาญาออกหมายเบิกตัวนักโทษชายสุรศักดิ์ไปศาลเพื่อคัดสำเนาเอกสารดังกล่าวมีกำหนด3 วันด้วย และเนื่องจากจำเลยยังไม่สามารถติดต่อญาติเพื่อจะให้ญาติว่าจ้างทนายความดำเนินคดีในชั้นฎีกาได้ จึงขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาออกไปอีก 10 วัน นับแต่วันที่ผู้รับมอบฉันทะของจำเลยคัดสำเนาเอกสารแล้วเสร็จ โปรดอนุญาต
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 340 วรรคสอง,340 ตรี จำคุก 22 ปี 6 เดือน ฯลฯ
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยฟังเมื่อวันที่21 เมษายน 2530
จำเลยฎีกา โดยทนายจำเลยเป็นผู้ยื่นฎีกา (อันดับ 73)
จำเลยยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 76)
ศาลฎีกาเห็นว่า คดีนี้ทนายจำเลยได้ยื่นฎีกาไว้แล้วโดยจำเลยอาจจะยังไม่ทราบ จึงสั่งให้ส่งสำนวนไปศาลชั้นต้น (ศาลอาญา)เบิกตัวจำเลยมาสอบถามว่า จำเลยยังติดใจฎีกาอยู่หรือไม่ (อันดับ 79)ศาลชั้นต้น (ศาลอาญา) ได้สอบถามจำเลยแล้ว จำเลยแถลงขอถือเอาฎีกาฉบับที่ทนายจำเลยได้ยื่นไว้ต่อศาล โดยไม่ติดใจจะยื่นฎีกาเอง(อันดับ 80)
คำสั่ง
จำเลยไม่ประสงค์จะยื่นฎีกาเอง แต่ขอถือเอาฎีกาฉบับลงวันที่21 พฤษภาคม 2530 ซึ่งทนายจำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อฎีกาและเรียงเป็นฎีกาของจำเลย จึงไม่จำต้องสั่งคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นฎีกาของจำเลย ให้ยกคำร้อง
