คำสั่งคำร้องที่ 8/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 ไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า จำเลยฎีกาในข้อกฎหมายซึ่งได้ยกข้อต่อสู้ไว้แล้วตั้งแต่ในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยมิได้มีเจตนาประสงค์ต่อทรัพย์ของผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยจึงขาดองค์ประกอบความผิด ซึ่งจะต้องมีเจตนาเป็นองค์ประกอบที่สำคัญ โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 55)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 336 ให้ลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามให้จำคุกไว้มีกำหนด 2 ปี 8 เดือน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 54)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 55)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยเข้ามากระชากนาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายแล้ววิ่งหนีไป จึงมีความผิดฐานวิ่งราวทรัพย์ จำเลยฎีกาว่า จำเลยจับข้อมือผู้เสียหายมิได้มีเจตนากระชากนาฬิกาข้อมือของผู้เสียหายก็ดี ศาลไม่ควรรับฟังพยานหลักฐานของโจทก์ และพยานหลักฐานในชั้นสอบสวนมาลงโทษจำเลยก็ดี เป็นการฎีกาโต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share