แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ในกรณีจำเลยให้การรับสารภาพ และศาลจะต้องฟังพยานโจทก์ จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำผิดจริงดังฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 นั้น ต้องพิจารณาอัตราโทษเฉพาะข้อหาในกระทงความผิดที่จำเลยรับสารภาพ นั้นเท่านั้นว่ามีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป หรือสถานที่ หนักกว่านั้นหรือไม่ จะนำเอาอัตราโทษจำคุกที่โจทก์ขอให้ลงโทษ แก่จำเลยทุกกระทงหรือทุกข้อหามารวมกันไม่ได้
ย่อยาว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสุรา พ.ศ.2493 มาตรา 5, 30, 31, 32, 44 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 257 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ.2490 มาตรา 7, 72 ลงโทษฐานมีภาชนะสำหรับทำสุรา จำคุก 6 เดือน ฐานมีสุราปลอม ไว้ในความครอบครอง ปรับ 800 บาท ฐานทำสุราออกจำหน่าย และนำแสดงในทางการค้าโดยที่จำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นสุราปลอม ปรับ 3,000 บาท ฐานมีแสตมป์ไว้ในความครอบครองเพื่อการค้า โดยจำเลยรู้อยู่แล้วว่าเป็นแสตมป์ปลอม จำคุก 6 เดือน ฐานใช้แสตมป์สุราปลอม จำคุก 6 เดือน กับให้ลงโทษฐานมีอาวุธปืน ไว้ในความครอบครอง จำคุก 1 ปี รวมจำคุก 2 ปี 6 เดือน ปรับ 3,800 บาท จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 ปี 3 เดือน ปรับ 1,900 บาทจำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นข้อกฎหมายที่ไม่เป็นสาระแก่คดี จึงไม่รับฎีกา จำเลยยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกา
ศาลฎีกาสั่งว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลย หลายกระทงทุกกระทงความผิดที่โจทก์ขอให้ลงโทษนั้นกฎหมาย ไม่ได้กำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป หรือสถานที่หนักกว่านั้น จำเลยให้การรับสารภาพ ทุกกระทงความผิด ศาลชั้นต้นพิพากษาโดยไม่สืบพยาน จำเลยฎีกาเป็นข้อกฎหมายว่า อัตราโทษที่โจทก์ขอให้ลงโทษในความผิดทุกกระทงที่ฟ้อง เมื่อรวมอัตราโทษของแต่ละกระทงเข้าด้วยกันแล้ว ก็มีอัตราโทษรวมกันไม่ต่ำกว่าตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป แม้จำเลยจะรับสารภาพ ศาลจะต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยได้กระทำความผิด จริงดังฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 176 ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์มิได้สั่งให้สืบพยานโจทก์เพื่อจะได้ ฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่าจำเลยกระทำความผิดจริงไม่ชอบนั้น บทบัญญัติที่จำเลยอ้างบัญญัติว่า “ในชั้นพิจารณาถ้าจำเลย ให้การรับสารภาพตามฟ้อง ศาลจะพิพากษาโดยไม่สืบพยานหลักฐาน ต่อไปก็ได้ เว้นแต่คดีที่มีข้อหาในความผิดซึ่งจำเลยรับสารภาพนั้น กฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป หรือสถานที่หนักกว่านั้นศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะพอใจว่า จำเลยกระทำความผิดจริง” เห็นว่าบทบัญญัติดังกล่าวได้บัญญัติ ไว้โดยชัดแจ้งแล้ว บังคับศาลต้องฟังพยานโจทก์จนกว่าจะ พอใจว่าจำเลยกระทำความผิดจริงเฉพาะข้อหาในกระทงความผิด ที่จำเลยรับสารภาพนั้นกฎหมายกำหนดอัตราโทษอย่างต่ำไว้ให้ จำคุกตั้งแต่ห้าปีขึ้นไป หรือโทษสถานที่หนักกว่านั้นเท่านั้น มิได้บัญญัติให้ศาลต้องฟังพยานโจทก์จนเป็นที่พอใจว่าจำเลยกระทำ ความผิดจริง ในกรณีนำเอาอัตราโทษจำคุกที่ขอให้ลงแก่จำเลยทุกกระทงหรือทุกข้อหามารวมกันแล้วมีอัตราโทษไม่ต่ำกว่าตั้งแต่ห้าปีขึ้นไปดังจำเลยฎีกา เห็นว่าฎีกาข้อกฎหมายของ จำเลยดังกล่าวจึงไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัย ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง”
